หนังสือธรรมที่พิมพ์แจกมากมายหลายสำนักหลายอาจารย์ มีทั้งที่ถูกต้องและผิดเพี้ยนตามหลักธรรมก็มีให้เห็น ผู้อ่านสมควรใช้ปัญญาพิจารณาตามว่าสมควรเชื่อได้ขนาดไหน ผมจะยกตัวอย่างที่พบเห็นมาให้พิจารณา
เจ้าตอบปัญหา
มีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งมีประวัติของพระศรีอริยเมตไตรย และการตอบปัญหาของเทพองค์หนึ่งเป็นการประทับทรง เทพองค์นี้เป็นของทางจีนเขาในที่นี้เรียกว่าเจ้าพ่อตามเขา มีการถามตอบอยู่หลายหัวข้อ จะยกตัวอย่างที่ไม่ถูกต้องมาให้ดู
ถาม : คนปล้นฆ่าชิงทรัพย์ ตายแล้วจะได้เกิดเป็นคนอีกหรือเปล่า
ตอบ : ไม่มีทางได้ผุดเกิดอีก
ถาม : ผู้ที่ตกนรกอเวจี จะไม่ได้ผุดเกิดอีกตลอดกาลใช่หรือเปล่า
ตอบ : ผู้ที่ตกนรกอเวจี เป็นพวกทำบาปหนัก หมดโอกาสเกิดเป็นคนอีก แต่ถ้ายมบาลพิพากษาให้ไปเกิดเป็นสัตว์ได้ แต่เมื่อครบกำหนดเวลาแล้ว ก็ต้องกลับไปเสวยทุกข์ทรมานในอเวจีอีกตลอดไป
ถาม : ถ้าจะหวังบรรลุมรรคผล ต้องเข้านับถือศาสนาใด
ตอบ : ไม่ว่าศาสนาใด หากมีความเพียรในการขัดเกลาจิตและหมั่นบำเพ็ญทานบารมีจนครบสมบูรณ์ ย่อมสามารถบรรลุมรรคผลได้ทั้งสิ้น
ถาม : ถ้าหวังจะบรรลุพุทธะควรนับถือศาสนาใด
ตอบ : ไม่ว่าศาสนาใด แม้วิธีปฏิบัติต่างกัน แต่หลักการเหมือนกัน คือ ต้องทำดีละชั่ว บำเพ็ญศีล สมาธิ ปัญญา จนจิตผ่องใสปราศจากกิเลสตัณหา
นี่ยกปัญหาถามตอบบางส่วนที่ค่อนข้างเห็นชัดเจนมาให้รู้กัน คนเราแม้จะทำกรรมชั่วขนาดไหนเมื่อตกนรกแล้ว ก็สามารถมาเกิดเป็นคนได้อีก จะช้าหรือเร็วต่างกัน พระเทวทัตทำอนันตริยกรรม คือ ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนพระโลหิตห้อขึ้นและยังทำให้สงฆ์ต้องแตกแยก เป็นกรรมหนักห้ามสวรรค์ห้ามนิพพาน
พระเทวทัตถูกธรณีสูบรับกรรมในนรกอเวจี ตลอดกัป ขณะที่พระเทวทัตถูกธรณีสูบจมลงในแผ่นดิน ในเวลาที่กระดูกคางจรดถึงพื้นดินพระเทวทัตกล่าวว่า ข้าพระองค์ขอถึงพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นว่าเป็นที่พึ่งด้วยกระดูกเหล่านี้ พร้อมด้วยลมหายใจ จากการสำนึกผิดในวาระจิตสุดท้าย ในอนาคต พระเทวทัตจะได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
ธรรมวินัยมีมรรคมีองค์ ๘ ดูกรสุภัททะ ในธรรมวินัยใดไม่มีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ในธรรมวินัยนั้น ไม่มีสมณะ ที่ ๑ ที่ ๒ ที่๓ ที่๔ ธรรมวินัยใดมีอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ ในธรรมวินัยนั้นมีสมณะที่ ๑-๔ นั้น (มหาปรินิพพานสูตร ๑-๗๔)
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมณะที่ ๑ มีศาสนานี้เท่านั้น สมณะที่ ๒ ๓ ๔ ก็เช่นเดียวกัน ลัทธิของศาสนาอื่นว่างจากสมณะผู้รู้ทั่วถึง ฯลฯ ( จูฬสีหนาทสูตร ๗-๓๔๓ )
ดูก่อนภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้ เพราะสิ้นสังโยชน์ ๓ เป็นเพราะโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ภายหน้า นี้เป็นสมณะที่ ๑ เพราะสิ้นสังโยชน์ ๓ เพราะราคะโทสะโมหะเบาบาง เป็นพระสกิทาคามีมาสู่โลกนี้คราวเดียว กระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ นี้สมณะที่ ๒ เพราะโอรัมภาคิยสังโยชน์ เป็นอุปปาติกะ ( พระอนาคามี ) จักนิพพานในภพนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดานี้ สมณะที่ ๓ ภิกษุในธรรมวินัยนี้กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติปัญญาวิมุติอันหาอาสวะมิได้ ( พระอรหันต์ขีณาสพ ) นี้เป็นสมณะที่ ๔ ( ๔-๖๓ )
โอรัมภาคิยสังโยชน์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฯ สักกายทิฐิเป็นของมีกำลังอันปุถุชนบรรเทาไม่ได้นั้น ชื่อว่าเป็นโอรัมภคิยสังโยชน์ เช่นเดียวกับวิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส กามราคะ และพยาบาท ฯ ดูก่อนอานนท์ ข้อที่ว่าบุคคลไม่ต้องอาศัยมรรคปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อละโอรัมภคิยสังโยชน์ได้นั้น ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ฯ (มหามาลุงโกยวาทสูตร ๑-๓๓๒ )
หมายถึงศาสนาอื่นไม่มีมรรคมีองค์ ๘ ไม่มีสมณะที่ ๑ โสดาบัน สมณะที่ ๒ สกทาคามี สมณะที่ ๓ อนาคามี สมณะที่๔ อรหันต์
ดังนั้นเจ้าพ่อจะบอกว่าศาสนาไหนก็เข้าถึงมรรคผลได้ แสดงว่าเจ้าพ่อไม่รู้เรื่องอะไรเลย แม้จะมีผู้แปลคำถามคำตอบ ผู้แปลก็ไม่เคยศึกษาหลักธรรมของศาสนาพุทธด้วย เพราะถ้าศึกษาดีแล้วก็คงไม่กล้าจะเผยแผ่หลักธรรมที่ไม่ถูกต้อง
หนังสือในลักษณะเช่นนี้มีอยู่มาก ในเบื้องต้นก็มีบอกไปแล้วเหมือนกัน มันขัดต่อหลักธรรมที่แท้จริงหลายอย่าง แต่คนที่ไม่เข้าใจก็หลงตามเขาไป เพราะการชักจูง การช่วยเหลือ และรูปแบบของการปฏิบัติ ทำให้ถูกโน้มน้าวคล้อยตามไปกับเขา บ้างก็ออกมาจากกลุ่มคนลัทธิความเชื่อย่างนั้นของเขาได้ บ้างก็หลงยึดติดไปเลย
มีเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระอรหันต์อยู่เรื่องหนึ่ง ต้นเหตุน่าจะเกิดจากพระสงฆ์ที่ท่านยังไม่เข้าถึงหลักธรรมที่แท้จริง แล้วก็เที่ยวเทศน์ไปอย่างนั้น จนพระหลายรูปก็เทศน์ตาม เช่นเดียวกับชาวบ้านที่นำไปสั่งสอนแบบผิดๆ
คล้ายกับเรื่องชำระหนี้สงฆ์ หาบุคคลแรกไม่ได้ไม่รู้เกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นผู้บัญญัติขึ้นมา เรื่องของเรื่องก็คือ บิดามารดาเป็นอรหันต์หรือพระอรหันต์ของลูก การกล่าวเช่นนี้ไม่ถูกต้อง เป็นการพูดที่ไม่เข้าใจหลักธรรม เพราะคำว่าพระอรหันต์ หมายถึง บุคคลที่ดับเหตุและปัจจัยที่จะทำให้มาเกิดอีก แต่พ่อแม่ของเรายังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกไม่รู้เท่าไหร่ เพราะถ้าท่านเป็นอรหันต์ในขณะนั้น ท่านจะทำให้เราเกิดได้อย่างไร
พระคุณของบิดามารดาจะมากมายเพียงใดก็ตาม แต่ก็ยังไม่ได้เป็นอรหันต์ของลูก เหมือนกับคนบางคน บางกลุ่ม บางพวก ยกย่องว่าเทพองค์นั้นองค์นี้เป็นพระโพธิสัตว์ โดยขาดการศึกษาธรรมะให้ถ่องแท้ และบางพวกบางคนก็ว่าตามเขาไป เช่นเดียวกับการที่จะยกย่องว่าพระรูปนั้นพระรูปนี้เป็นอริยะสงฆ์หรืออรหันต์ ขนาดมีการทดสอบกันเลย ไม่รู้จริงก็ยกย่องสรรเสริญตามศรัทธาของตัวเอง
บูรพาจารย์ ดูกรภิกษุทั้งหลาย มารดาบิดาบุตรทั้งหลายในตระกูลใดบูชาแล้วภายในเรือน ตระกูลเหล่านั้นชื่อว่ามีพรหม มีบูรพาจารย์ มีบูรพเทพ มีอาหุเนยบุคคล, ดูกรภิกษุทั้งหลาย คำว่าพรหม บูรพาจารย์ บูรพเทพ อาหุเนยบุคคลนี้เป็นชื่อของมารดาบิดา ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะมารดาบิดาเป็นผู้มีอุปการะมาก เป็นผู้ประคบประหงมเลี้ยงดูบุตร เป็นผู้แสดงโลกนี้แก่บุตร (สพรหมสูตร ๓-๕๑๐ และพรหมสูตร ๓-๓๔๕)
พิจารณาเรื่องบิดามารดาเป็นอรหันต์ของลูก เหมือนว่าจะไม่สำคัญ คนส่วนใหญ่ก็คิดกันเช่นนี้ แต่ก็เป็นเครื่องชี้ภูมิธรรมของผู้ถ่ายทอดได้ดี เช่นเดียวกับผู้ที่วิจารณ์เรื่องภิกษุสันดานกา เมื่อไม่รู้จริงก็แสดงความเห็นแบบผิดๆหรือเข้าข้างตัวเอง
บารมีของผู้นำ
ในครั้งก่อนนั้น มีพวกช่างไม้ไปพบช้างที่ถูกตอตำเข้าไปในเท้าตัวหนึ่ง พวกช่างไม้ได้ช่วยกันถอนตอนั้นออก แล้วรักษาพยาบาลให้จนหาย ช้างนั้นนึกถึงบุญคุณของพวกช่างไม้ จึงพาลูกช้างมาให้ ลูกช้างนั้นเป็นช้างเผือกขาวดังสำลี แล้วช้างตัวนั้นก็หนีเข้าไปอยู่ในป่า
อยู่มาวันหนึ่งฝนตกหนักน้ำป่าได้ไหลพาเอาขี้ช้างเผือกให้ไหลไปถึงท่าน้ำเมืองพาราณสี พวกช้างหลวงได้กลิ่นขี้ช้างเผือกไม่กล้าลงน้ำ มีแต่จะวิ่งหนี พวกควานช้างบังคับอย่างไรก็ไม่ได้ จึงนำเรื่องกราบบังคมทูลพระเจ้าพาราณสี เมื่อพระองค์ทรงทราบจึงตรัสสั่งให้อำมาตย์ไปหาสาเหตุดู แล้วอำมาตย์ก็ไปพบขี้ช้างเผือกเข้า จึงเอามาขยำกับน้ำ แล้วพรมไปที่ช้างทั้งหลาย ช้างเหล่านั้นจึงกล้าลงน้ำ แล้วพระเจ้าพาราณสีมีรับสั่งให้อำมาตย์ไปค้นหาช้างเผือกตัวนั้น
ฝ่ายอำมาตย์ก็ลงเรือทวนกระแสน้ำขึ้นไป ในที่สุดก็พบช้างเผือกตัวนั้น และได้ให้เงินกับสิ่งของหลายอย่างแก่พวกช่างไม้นั้น แล้วพาช้างเผือกกลับมา
พระเจ้าพาราณสีให้ทำพิธีเชิญช้างเผือกเข้าไว้ในโรงพระยาช้าง และให้อภิเษกเป็นสหายของพระเจ้าพาราณสี ต่อมาไม่นานพระเจ้าพาราณสีก็สวรรคต ข่าวไปถึงพระเจ้าโกศลกรุงสาวัตถี พระเจ้าโกศลจึงยกทัพมาล้อมเมืองเอาไว้
ขณะนั้นพระอัครมเหสีกำลังมีพระครรภ์แก่ใกล้จะประสูติพอดี จึงส่งสาสน์ออกไปถวายว่า ขอให้รออยู่สัก ๗ วัน พระอัครมเหสีประสูติก่อนจึงค่อยเจรจากัน พอถึง ๗ วันก็ประสูติพระราชโอรสออกมา ประชาชนทั้งหลายต่างก็ดีใจมีความฮึกเหิมต่อการที่จะสู้รบ
ทหารและชาวเมืองยกกองทัพออกไปต่อสู้แต่ก็พ่ายแพ้กลับมา เหล่าเสนาอำมาตย์จึงกราบทูลอัครมเหสีให้ทรงทราบว่า ควรจะแจ้งเหตุ ๓ ประการ คือ การที่พระเจ้าอยู่หัวสวรรคต ๑ พระราชโอรสประสูติ ๑ ข้าศึกมาล้อมเมือง ๑ ให้พระยาช้างทราบ
พระอัครมเหสีก็ทรงเห็นชอบแล้วทรงอุ้มพระโอรสเสด็จไปที่โรงพระยาช้าง วางพระโอรสลงแทบเท้าพระยาช้าง แล้วตรัสว่า ข้าแต่พระยาช้างผู้เป็นพระสหายของพระเจ้าอยู่หัว หม่อมฉันขอโทษที่ไม่ได้ทูลให้ท่านทรงทราบว่าพระสหายของท่านได้สวรรคตไปแล้ว ๗ วัน นี่คือพระราชโอรสของพระสหายของท่าน และบัดนี้พระเจ้าโกศลได้ทรงยกทัพมาล้อมเมืองเอาไว้ ไม่เห็นมีใครที่จะปกป้องเมืองไว้ได้ มีก็แต่ท่านเท่านั้น ขอท่านได้ช่วยพระโอรสของสหายท่านด้วยเถิด
เมื่อพระยาช้างได้ฟังดังนั้นแล้วก็ยื่นงวงลงไปอุ้มพระราชโอรสขึ้นไว้บนกะบองแล้วร่ำไห้ และส่งคืนให้พระอัครมเหสี มีความ ตั้งใจที่จะจับพระเจ้าโกศลมาให้ได้ จึงออกหน้านำทัพออกไป พอพ้นประตูเมืองเท่านั้น พระยาช้างก็แผดเสียงดังกัมปนาทหวั่นไหวไปทั่วถึง ๓ ครั้ง ช้างของข้าศึกก็หมอบราบลงหมด พระยาช้างจึงวิ่งตรงไปจับพระเจ้าโกศลเข้าไปถวายพระราชกุมาร และให้พระเจ้าโกศลทำสัตย์สาบานแล้วให้ปล่อยตัวไป
สัตว์เดรัจฉานก็มีบารมี เพราะสัตว์ทั้งหลายก็เคยเกิดเป็นมนุษย์มาก่อนทั้งนั้น แม้พระโพธิสัตว์ทั้งหลายก็เคยเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน
พระเจ้าธรรมาโศกราช
ครั้งเมื่อพระเจ้าอโศกขึ้นครองราชย์ ราชอาณาจักรของพระองค์มีภายใต้พื้นดินประมาณ ๑ โยชน์ บนอากาศประมาณ ๑ โยชน์ เทวดาทั้งหลายนำน้ำจากสระอโนดาตมาใส่หม้อน้ำสำหรับดื่ม ๑๖ หม้อ ทุกๆวันๆละ ๘ หาบ เพราะเหตุที่พระองค์ศรัทธาในศาสนา ได้ถวายน้ำแก่พระภิกษุสงฆ์วันละ ๘ หม้อ ถวายพระภิกษุที่ทรงไตรปิฎกประมาณ ๖๐ องค์ วันละ ๒ หม้อ ให้ผู้เป็นอัครมเหสีวันละ ๒ หม้อ พระองค์เองใช้ ๔ หม้อ เทวดาทั้งหลายนำไม้สีพระทนต์ที่เป็นนาคลดานุ่มนวลอ่อนมีรส มาจากป่าหิมพานต์ทุกๆวัน พระราชา พระมเหสี คนฟ้อนรำหมื่นหกพันและภิกษุประมาณหกหมื่นได้ใช้ไม้สีฟันนาดลดานั้น เทวดานำผลมะขามป้อม ผลสมอที่เป็นยาและผลมะม่วงสุกสีเหมือนทองมีกลิ่นและรสมาถวายทุกวัน เทวดานำมาซึ่งผ้านุ่งผ้าห่ม ผ้าเช็ดมือสีเหลืองและน้ำทิพย์จากสระฉันทันตะ พระยานาคนำเครื่องชโลมทาของหอม ผ้าสีดอกมะลิไม่มีรอยเย็บด้วยเส้นด้ายสำหรับห่ม และเครื่องป้ายตาอันสมควรจากพิภพนาคมาถวาย นกแก้วทั้งหลายนำข้าวสาลีที่เกิดจากสระฉันทันตะนั่นเองทุกๆวันๆละเก้าพันหาบ หนูเหล่านั้นปล้อนแกลบ ข้าวสารแม้เมล็ดเดียวก็ไม่มีหัก ผึ้งทั้งหลายทำน้ำผึ้ง นกการเวกทั้งหลายมาคูขันเสียงไพเราะทำพลีกรรมแด่พระเจ้าอโศก
ที่กล่าวมานั้นเป็นพระบารมีที่พระเจ้าอโศกได้สร้างมา แม้ภายหลังได้นับถือพระพุทธศาสนา ค้นหาพระบรมสารีริกธาตุ และทรงสละทรัพย์ ๙๖ โกฏิ ในวันเดียวเพื่อสร้างวิหารแปดหมื่นสี่พันหลังในแปดหมื่นสี่พันนครพร้อมด้วยพระเจดีย์
พระเจ้าอโศกยังตรัสเรียกยักษ์ผู้เป็นทาสมาใช้ให้ทำถนนหนทางให้ราบเรียบเพื่อต้อนรับพระสงฆ์เถระและคณะ พระเจ้าอโศกโปรดให้ทำสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ แม้พระเจ้าอโศกจะสร้างถาวรวัตถุเพื่อพระพุทธศาสนาไว้มากมาย พร้อมด้วยการบริจาคทานและอื่นๆ พระองค์ก็ยังไม่ได้เป็นญาติกับพระศาสนา จนกว่าจะได้บวชพระโอรสหรือพระธิดาของพระองค์
พระเจ้าอโศกทรงปรารถนาความเป็นพระทายาทในพระศาสนา จึงตรัสถามพระกุมารถึงความสมัครใจที่จะบวชได้ไหม ฝ่ายพระกุมารก็มีใจใคร่จะบวชอยู่แล้ว ได้ยินพระดำรัสของพระเจ้าอโศกก็เกิดความยินดีปรีดาอย่างยิ่ง แม้พระราชธิดาก็เช่นเดียวกัน พระเจ้าอโศกทรงได้ดวงใจแห่งพระราชโอรสและพระราชธิดาแล้วมีพระหทัยร่าเริงยินดี ที่พระองค์จักได้เป็นพระทายาทในพระศาสนา
ต่อมาเมื่อพระราชโอรสและพระราชธิดาได้บวชแล้ว พระราชโอรสนั้นบรรลุพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาในโรงอุปสมบทนั่นเอง ฝ่ายพระเจ้าอโศกทรงยังพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองและได้โปรดให้มีการทำสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ ซึ่งในครั้งนั้นมีพระภิกษุ ๘๐ โกฏิ เป็นพระอรหันต์หนึ่งแสน มีภิกษุณี ๙๐ แสน เป็นพระอรหันต์หนึ่งพัน
พระเจ้าธรรมาโศกราชได้ทรงให้มีการฉลองอย่างมโหฬาร มีกำหนดงานนานถึง ๗ ปี ๗ เดือนกับอีก ๗ วัน และยังมีเรื่องพระอุปคุตต่อสู้กับพระยามารในครั้งนี้ด้วย ผมได้เขียนเรื่องย่อไว้ในเรื่องสวรรค์ชั้นื้ ๖ (พระอุปคุต)
บารมีพระจักรพรรดิ์
กล่าวถึงช้างป่าเลไลยก์ซึ่งเคยดูแลอุปัฎฐากพระพุทธเจ้าสมณโคดม องค์ปัจจุบัน อันว่าช้างป่าเลไลยก์ตัวนี้เป็นบรมโพธิสัตว์สร้างบารมีมาเป็นอันมาก จักได้ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระสุมังคละ ในอนาคตกาลเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๑๐ นับจากพระศรีอริยเมตตรัย พระสุมังคละทศพลญาณมีพระชนมายุประมาณ แสนปีมีไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ์ ประดับด้วยพระพุทธรัศมีรุ่งเรืองสว่างดังสีทองประดุจกลางวัน แล้วจะบังเกิดมีไม้กัลปพฤกษ์ต้นหนึ่งห้อยย้อยไปด้วยสิ่งของและเครื่องประดับมากมาย มนุษย์ทั้งหลายในศาสนาของพระองค์ มิได้ทำการกสิกรรม วานิชกรรม ได้อาศัยต้นกัลปพฤกษ์นั้นเลี้ยงชีวิตของตน มนุษย์ทั้งหลายเสพสุขเสมอเหมือนเทพบุตรเทพธิดา พระสุมังคละสร้างพระบารมีมาทั้ง ๑๐ ประการ จึงสำเร็จพระพุทธสมบัติดังนี้
กาลก่อนล่วงไปช้างป่าเลไลยก์ตัวนี้เป็นบรมโพธิสัตว์ บังเกิดเป็นสมเด็จบรมจักรพัตราธิราช ทรงพระนามว่า พระเจ้ามหาปะนาทบรมจักร ในภัททะกัปนี้ บังเกิดมีแก้ว ๗ ประการ คือ จักรแก้ว ๑ นางแก้ว ๑ แก้วมณีโชติ ๑ ช้างแก้ว ๑ ม้าแก้ว ๑ ปริยานก ๑ คหบดีแก้ว ๑ สมเด็จพระเจ้ามหาปะนาทบรมจักรได้เสวยสิริราชสมบัติอยู่ในทวีปทั้ง ๔ มีทวีปน้อย ๒ พันเป็นบริวาร ในครั้งนั้นสมเด็จพระเจ้ามหาปะนาทบรมจักร ได้ทรงทราบว่า สมเด็จพระพุทธเจ้าได้บังเกิดขึ้นในโลกแล้ว
สมเด็จพระเจ้ามหาปะนาทบรมจักรจึงตรัสสั่งจักรแก้วให้ไปยังท้องสมุทร เพื่อนำเอาดวงแก้วมณีมาให้เรา จักรแก้วเหมือนมีจิตวิญญาณก็ไปนำเอาแก้วมณีมาถวาย ตรัสสั่งช้างแก้วให้เหาะไปยังฉัททันตสระ ไปพาช้างชาติฉัททันตะประมาณ ๘ หมื่นมาถวาย ตรัสสั่งม้าแก้วให้เหาะไปยังริมฝั่งสินธพนทีให้พาม้าแก้ว ๘ หมื่นตัวมาถวาย แล้วตรัสสั่งนางแก้วพระราชมเหสีให้เหาะไปยังแคว้นอุดรกุรุทวีปพานางแก้วประมาณ ๘ หมื่นมาถวาย ตรัสสั่งให้แก้วมณีโชติให้ไปยังเขาวิบูลบรรพตให้ไปนำแก้วมณีโชติประมาณ ๘ หมื่นมาถวาย ตรัสสั่งปรินายกขุนพลแก้วให้เหาะไปยังทวีปทั้ง ๓ ไปถอดเอาดวงแก้วในยอดเขากำภูฉัตรมาถวาย ตรัสสั่งคหบดีแก้วผู้เป็นขุนคลังให้เหาะไปยังโสฬสมหานครทั้ง ๑๖ เมือง ไปนำดวงแก้วมณีมาถวาย
แก้วทั้ง ๗ ประการนำพาสรรพสิ่งทั้งหลายตามพระบัญชาของพระเจ้ามหาปะนาทบรมจักรมาครบทุกประการ แต่ระหว่างทางคหบดีแก้วได้พบกับพระกุกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ฟังพระสัทธรรมจากพระพุทธองค์และได้ทำการจดบันทึกพร้อมพระรูปโฉมที่ประกอบไปด้วยทวัตติงสะมหาบุรุษลักษณะลงในแผ่นทองแล้วเหาะกลับมาถวายพระเจ้ามหาปะนาทบรมจักร
เมื่อพระเจ้ามหาปะนาทบรมจักรได้ทอดพระเนตรแผ่นพระสุพรรณบัฏ อันปรากฏพระรูปโฉมของพระพุทธเจ้ากุกกุสันโธกับคำจารึกนั้น แต่พระองค์ไม่ทรงทราบ จึงตรัสถามต่อพราหมณ์ปุโรหิต จนทรงเข้าพระทัยถึงคำจารึก พระอิติปิโส ภะคะวา ว่าเป็นคุณอันวิเศษ เป็นยอดคุณทั้งปวงหาที่ยิ่งกว่าไม่มี อักษรนี้เป็นพระพุทธคุณอันเที่ยงแท้ สมเด็จพระบรมจักรมหาปะนาทได้ทรงถึงกับทรงพระกรรแสงสะอื้นสลบลงกับที่ เมื่อฟื้นพระองค์ขึ้นก็ตรัสถามปุโรหิตอีกว่า คุณวิเศษนี้เป็นพระพุทธคุณจริงดังนั้นหรือ พราหมณ์ปุโรหิตก็กราบทูลว่า จริงดังนั้นเป็นพระพุทธคุณของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเที่ยงแท้ พระองค์ก็สะอื้นสลบไปเป็นครั้งที่ ๒ เมื่อฝืนพระองค์ขึ้นก็ตรัสถามปุโรหิตอีกว่ารูปภาพเป็นพระรูปจริงดังนั้นหรือ ปุโรหิตก็กราบทูลว่าพระรูปโฉมนั้นเป็นพระรูปโฉมของพระพุทธเจ้าเป็นจริงแท้ ทำให้สมเด็จบรมจักรมหาปะนาทถึงสลบสิ้นสติไปอีกเป็นครั้งที่ ๓
ครั้นเมื่อได้สติขึ้นมาจึงตรัสยกราชสมบัติให้แก่คหบดีแก้ว ส่วนพระองค์ได้เสด็จออกจากพระมหาราชวังไปพระองค์เดียว ไปถึงมหานิโครธไทรใหญ่ต้นหนึ่งแล้วพักอาศัยพอหายเหนื่อย จากนั้นได้กระทำอธิษฐานถวายนมัสการตั้งความปรารถนา จะทรงบรรพชาแล้วอัฐบริขารทั้ง ๘ ก็ลอยมาหยุดลงตรงพระพักตร์ ด้วยรับสั่งขององค์สมเด็จพระกุกกุสันโธ
พระองค์ได้ทรงครองจีวรบรรพชาเป็นพระภิกษุเสร็จแล้ว จึงตรัสสั่งพระมกุฎแก้วให้ไปยังสำนักของพระพุทธเจ้า เพื่อกราบทูลแจ้งข่าวแก่พระองค์ บัดนั้นมกุฎแก้วลอยไปในอากาศจนถึงสำนักของพระพุทธเจ้า ตั้งอยู่แทบฝ่าพระบาทกราบทูลเหตุทั้งหลายแก่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ตรัสรับว่า สาธุ ลำดับนั้นสมเด็จบรมจักรมหาปะนาทซึ่งทรงเพศเป็นบรรพชิตก็เที่ยวบิณฑบาตไปตามบ้าน ได้อาหารพอควรแล้วจึงเสวย เสร็จจากนั้นก็เข้าเจริญพระกรรมฐาน มีพระอิติปิโสภะคะวา และพระกายคตากรรมฐาน เป็นต้น ได้สำเร็จโลกียะฌานแล้วเหาะไปยังสำนักพระพุทธเจ้า เพื่อทอดพระเนตรพระพุทธลักษณะพระกุกกุสันโธ อันงามพร้อมบริบูรณ์ทุกประการ จนเกิดปิติไปทั่วสารพางค์กายและสลบลงในที่นั้น พระพุทธเจ้าได้ทรงใช้น้ำมาประพรมจนฟื้นขึ้นมา แล้วถวายนมัสการกราบลงแทบพระบาท กราบทูลอาราธนาให้ทรงแสดงพระสัทธรรมเทศนา เมื่อพระมหาปะนาทหน่อพุทธางกูรได้ทรงฟังพระธรรมเทศนาแล้วให้เกิดปิติซาบซ่าน จึงเด็ดพระเศียรเกล้าด้วยเล็บของพระองค์กระทำสักการบูชาแทบบาทมูลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า ฝ่ายพระเศียรเกล้านั้นก็กราบทูลว่า ภันเต ภะคะวา ข้าแต่พระองค์ผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ได้โปรดฝูงสัตว์ทั้งหลายก่อนข้าพระบาท ข้าพระบาทก็มีความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเมื่อภายหลัง พอขาดคำสองข้อนั้นแล้ว สมเด็จบรมจักรมหาปะนาทก็ดับขันธ์สวรรคตลง ไปบังเกิดยังดุสิตสวรรค์
ที่นำเรื่องทั้ง ๓ มาเขียนเพื่อแสดงให้เห็นถึงบารมีที่แตกต่างกัน กว่าจะเกิดเป็นบารมีขึ้นมาได้ ต้องอาศัยการสร้างคุณความดีมากมาย โดยเฉพาะพระพุทธเจ้า อย่างน้อยที่สุดก็ต้องสร้างบารมีถึงสี่อสงไขยกับแสนมหากัปและยังต้องถวายชีวิตเป็นพุทธบูชาอยู่หลายชาติ เช่นเดียวกับ สุเมธฤๅษี ซึ่งรายละเอียดก็มีเขียนไว้แล้วข้างต้น
เวลานี้มาดูผู้นำประเทศของเราบ้างก็มีการเลือกตั้งกันไปแล้ว ใครจะได้เป็นผู้นำจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร ขอให้คิดพิจารณาถึงเรื่องบุญบาปให้มาก การจะเป็นนายกรัฐมนตรีเดี๋ยวนี้มากที่สุดก็แปดปี ในแปดปีนี้สามารถสร้างบุญและบาปได้มาก
บารมีจะเป็นนายกรัฐมนตรีสร้างกันมาน้อยมากแปดปีก็หมดแล้ว เมื่อเทียบกับเรื่องทั้งสามมีถึงตลอดชีวิต ฉะนั้นเมื่อเป็นผู้นำเขาแล้วก็เร่งสร้างบารมีให้มากเพื่อผลภายภาคหน้า อย่าคิดเห็นประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง เพราะกรรมนั้นจะส่งผลแน่นอนไม่ว่าช้าหรือเร็ว นี่เพราะความไม่เข้าใจเรื่องบุญและบาปมากพอ มีเรื่องเล่าประกอบอีก ๒ เรื่อง
วัตร ๗ ประการของพระอินทร์
ก่อนที่จะได้เป็นพระอินทร์ เมื่ออดีตชาติพระองค์เกิดเป็นมนุษย์มีชื่อว่ามฆมานพอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ได้สร้างวัตรปฏิบัติ ๗ ประการคือ
๑. การเลี้ยงดูบิดามารดาอยู่จนตลอดชีวิต ข้อนี้นักการเมืองหรือคนส่วนใหญ่ก็ปฏิบัติกันอยู่และทำได้
๒. การเคารพนอบน้อมผู้ใหญ่ในตระกูลอยู่ตลอดชีวิต บางครั้งก็มีความโกรธที่ผู้ใหญ่เขาตักเตือน ทำกริยามารยาทไม่เคารพผู้ใหญ่ วันรุ่นสมัยนี้เป็นมาก นักการเมืองจะมีบ้างไหมหนอ
๓. การกล่าววาจาอ่อนหวานอยู่ตลอดชีวิต ข้อนี้หายากหน่อยในนักการเมืองปัจจุบัน
๔. การไม่กล่าววาจาส่อเสียดยุยงผู้อื่นอยู่ตลอดชีวิต ข้อนี้แทบจะหาไม่ได้ ดูจากการหาเสียงก็เห็นกันอยู่
ในข้อ ๓ และ ๔ จะอยู่ในศีลข้อมุสาคือนอกจากจะพูดจาอ่อนหวานแล้วต้องไม่กล่าวคำหยาบ คำเพ้อเจ้อ และกล่าวคำเท็จหรือ โกหกนั่นแหละ ศีลข้อนี้สำหรับปุถุชนแล้วรักษาได้ยากมาก แม้แต่พระอริยะขั้นโสดาบัน ยังมีการกล่าวเพ้อเจ้อบ้าง แต่คำกล่าวเพื่อเป็นไปในทางบาปไม่มี คือบุญก็ว่าบุญ บาปก็ว่าบาป
๕. การกำจัดความตระหนี่ให้ออกไปจากจิตใจและจำแนกแจกทานอยู่ตลอดชีวิต ข้อนี้สำคัญนะ ไม่ใช่จ่ายแจกทานโดยหวังผลคะแนนต้องทำด้วยจิตใจบริสุทธิ์
๖. มีวาจาสัตย์อยู่ตลอดชีวิต นักการเมืองเขาพูดกันว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร ตอนแรกก็รับปากดีตอนหลังก็เปลี่ยนไปได้
๗. ความไม่มีความโกรธอยู่ตลอดชีวิต นักการเมืองคนไหนมีบ้างหนอ ที่จริงคุณธรรม ๗ ประการนี่รวมไปถึงข้าราชการและบุคคลทั่วไปด้วย เพราะเป็นข้อปฏิบัติของคฤหัสถ์
พิจารณาข้อ ๓ และ ๔ต่อไป มีเรื่องจำได้ว่า ได้อ่านหนังสือเรื่องการระลึกชาติของสุนัขตัวหนึ่ง ที่มีความจำฉลาดรอบรู้มาก เจ้าของผู้ช่างสังเกต รู้ว่าสุนัขตัวนี้มีความเกี่ยวพันกับทหารมาก ทำการทดสอบอยู่หลายครั้งจนมั่นใจว่าสุนัขตัวนี้เมื่ออดีตชาติเคยเกิดเป็นทหาร แล้วเจ้าของได้ทำการทดสอบต่อไป จนรู้ว่านายทหารที่ว่ามียศถึงนายพลทีเดียว ได้เอาหนังสือภาพยศทหารและนายทหารให้สุนัขชี้ ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ชี้เหมือนเดิม เป็นทหารยศนายพล มีชื่อว่าอย่างนั้น นามสกุลอย่างนี้ แล้วก็มีการสืบหาประวัติของนายพลคนนั้นจนรู้ว่า ขณะที่เป็นนายพลอยู่นั้นได้ใช้อำนาจทรมานและพูดข่มขู่ใช้วาจาไม่ดีต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาหลายประการ ตายแล้วจึงมาเกิดเป็นสุนัข ซึ่งเจ้าของก็พูดจาถามไถ่สุนัขตัวนั้น จนรู้ตามที่สืบค้นหามา
นี่ก็เป็นตัวอย่างสำหรับผู้มีวาสนาบารมี เป็นผู้นำทั้งทางการเมืองและการปกครอง ให้คิดถึงบุญและบาปให้มาก ผลของกรรมมีผลแน่นอนจะช้าหรือเร็ว ยังมีเรื่องของพระราชาอีกเรื่องหนึ่ง
บ้านเมืองของพระราชาองค์หนึ่งราษฎรของพระองค์อยู่เย็นเป็นสุขฝนตกต้องตามฤดูกาล พืชพรรณธัญหารบริบูรณ์ ต่างจากอีกเมืองหนึ่งที่ข้าวยากหมากแพง ฝนฟ้าไม่ตกพื้นดินแห้งแล้ง ประชาชนอดอยาก พระราชาจึงส่งทูตไปขอช้างเผือกจากเมืองแรกเพราะคิดว่า ถ้าได้ช้างเผือกมาแล้วจะทำให้บ้านเมืองของพระองค์มีฝนตกต้องตามฤดูกาล แล้วก็ได้ช้างเผือกไปตามพระประสงค์ แต่กระนั้นฝนก็ยังไม่ตก พระราชาจึงสั่งราชทูตไปใหม่เพื่อถามสาเหตุ
พระราชาเมืองแรกก็ตรัสบอกกับราชทูตไปว่า เหตุก็คือประชาชนของพระองค์ส่วนใหญ่ถือศีลห้า ราชทูตก็ทูลถามว่าศีลห้าเป็นเช่นไร และเมื่อได้คำตอบพร้อมทั้งวิธีรักษาศีลห้าแล้ว ก็นำเรื่องราวทั้งหมดไปแจ้งต่อพระราชาของตน พระราชาจึงตรัสเรียกประชุมขุนนางอำมาตย์และผู้นำหมู่บ้านให้รับเอาศีลห้าไปสอนผู้คนของตนให้ปฏิบัติตาม
ไม่ช้านานบ้านเมืองของพระราชาองค์ที่สอง ก็มีฝนตกทำให้ประชาชนหน้าชื่นตาบาน พืชพรรณธัญหารสมบูรณ์ไม่ลำบากดังแต่ก่อน
ประเทศไทยเรานับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ แต่ทำไมบ้านเมืองจึงวิกฤตอยู่หลายครั้งแม้ในปัจจุบันนี้ยิ่งวิกฤตหนัก เหตุปัจจัยนั้นมีหลายอย่าง ด้วยวิบากกรรมเก่ามาถึงอย่างหนึ่ง กับประชาชนส่วนใหญ่ไม่อยู่ในศีลธรรม แม้ประชาชนส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาพุทธ แต่เรื่องศีลห้ายังอ่อนอยู่ อย่างงานมงคลต่างๆ เช่น บวชนาค แต่งงาน แทนที่จะได้บุญกับนำบาปเข้ามาด้วย โดยเฉพาะน้ำเมา ไม่ว่างานไหนๆพี่ไทยเมาทุกงาน
เรื่องของมฆมานพได้ช่วยชาวบ้านให้มีความสุขจากการทำสาธารณะประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น ต่อมาได้คนมาช่วยด้วยถึง ๓๒ คน ครั้งหนึ่งมีเจ้าเมืองชวนให้ไปทำปานาติบาตเพื่อประโยชน์ส่วนตน มฆมานพและเพื่อนอีก ๓๒ คนไม่ทำตาม จนทำให้เจ้าเมืองโกรธแค้น นำเรื่องกราบทูลใส่ความมฆมานพและพวกว่าเป็นพวกโจร ขอให้พระราชาลงโทษ
พระราชามิได้ทรงไต่สวนให้ถี่ถ้วน มีรับสั่งให้จับมฆมานพและพวกมาลงโทษ โดยให้ช้างเหยียบคนเหล่านั้น ส่วนมฆมานพให้โอวาทเพื่อนๆว่า พวกเราจงตั้งใจเจริญเมตตา นอกจากเมตตาบารมีแล้วพวกเราไม่มีที่พึ่งอื่นอีกแล้ว ขอพวกเราอย่าโกรธพระราชา เจ้าเมือง และช้างที่จะเหยียบพวกเรา จงทำให้มีเมตตาเสมอกัน
ด้วยอานุภาพแห่งเมตตาทำให้ช้างไม่สามารถที่จะทำร้ายพวกมานพได้ แม้จะเอาเสื่อมาคลุมร่างกายของพวกมานพ ช้างก็ยังเดินเลี้ยวไป ยังความประหลาดพระทัยแก่พระราชา หรือจะมีเหตุอะไรสักอย่าง จึงทำการไต่สวนจนรู้ว่าเจ้าเมืองใส่ความ พวกมานพทั้งหลายมีแต่ทำการสาธารณะกุศลช่วยชาวบ้าน ส่วนเจ้าเมืองต้องการให้พวกมานพทำอกุศลกรรมต่างๆ มีฆ่าเนื้อเบื่อปลา ต้มเหล้าเถื่อน เป็นต้น
พระราชาทรงโสมนัสยิ่งนัก จึงตรัสว่า ถึงแม้ช้างจะเป็นสัตว์เดรัจฉานก็รู้จักคุณความดีของพวกเจ้า ส่วนเราเป็นมนุษย์หารู้จักไม่ ขอพวกเจ้าจงให้อภัยแก่เราด้วยเถิด แล้วมีพระราชโองการพระราชทานเจ้าเมืองพร้อมทั้งลูกเมียให้เป็นบริวารของมานพเหล่านั้น พร้อมกับช้างเชือกนั้นด้วย ยังความปลาบปลื้มใจให้แก่เหล่ามานพนั้น
ต่อมามฆมานพและเพื่อนพ้องกับช้าง ๑ เชือก ได้ช่วยกันสร้างศาลา สะพาน ถนนหนทางและอื่นๆอีกมากมาย ส่วนภรรยาของมฆมานพทั้ง ๔ มี ๓ คนได้ช่วยกันสร้างศาลาด้วย ส่วนอีกคนไม่ได้ทำอะไรเลย
เมื่อคนทั้งหมดเสียชีวิตลง มฆมานพไปเกิดเป็นพระอินทร์ เพื่อนทั้ง ๓๒ คน เกิดเป็นเทพบุตร ช้างไปเกิดเป็นเทพบุตรเอราวัณ ภรรยาทั้ง ๓ ไปเกิดเป็นภรรยาของพระอินทร์ ทั้งหมดเสวยสุขอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ส่วนภรรยาอีกคนไปเกิดเป็นนกกระยาง มฆมานพที่ได้เกิดเป็นพระอินทร์ก็เพราะมีข้อวัตรปฏิบัติ ๗ ประการ ดังกล่าวไว้ข้างต้น
ส่วนผู้คนในบ้านเมืองเราปิดถนน ปิดสนามบิน หรือแม้แต่จะตัดน้ำตัดไฟอันเป็นประโยชน์ของสาธารณะส่วนรวม ซึ่งเป็นการทำตรงกันข้ามกับพระอินทร์และสหาย เมื่อคนเหล่านี้ตายไปจะไปเกิดที่ไหนกันนะ
นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีรวมทั้งผู้นำคนอื่นๆ มีข้อวัตรปฏิบัติยังไม่ถึง ๗ ข้อ รวมทั้งศีลห้าก็ย่อหย่อน โดยเฉพาะข้อมุสาที่มีพูดโกหก พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ เห็นอยู่ทุกคน สิ่งใดที่ไม่ถูกต้องก็รีบแก้ไขเสีย กรรมนั้นมีจริง อยู่ที่จะส่งผลเมื่อไหร่
สุราเมรัย นอกจากบุคคลทั่วไปแล้ว ผู้นำรัฐบาลและส.สทั้งหลาย ยังมีการจัดเลี้ยงในกลุ่มรวมทั้งสังสรรค์กับเหล่าหัวคะแนน ผู้นำก็ยังดื่มสุรากันอยู่จะเป็นตัวอย่างให้กับบุคคลอื่นได้อย่างไร อยากจะเห็นรัฐบาลจัดงานเลี้ยงใดๆ ให้นำเครื่องดื่มผลไม้และสมุนไพรต่างๆ มาฉลองกันแทนของมึนเมาทั้งหลาย ไม่จำเป็นต้องเอาแบบต่างประเทศทั้งหมด เราควรจะมีเอกลักษณ์ วัฒนธรรมของเราเองเป็นตัวอย่างกับประชาชน กล้าที่จะทำความดีเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพกับทั้งทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ถ้าจะอ้างว่าประเทศไหนๆเขาก็ทำกัน ประเทศอิสลามเขาก็ไม่ดื่มกันนะ ในเมื่อคนไปสวรรค์เท่ากับเขาโค คนไปนรกเท่ากับขนโค คือคนส่วนใหญ่ไปนรกแล้วเราจะไปรวมอยู่กับคนส่วนใหญ่หรืออย่างไรกัน
การที่จะเป็นผู้นำคนอื่นต้องมีบารมีที่สร้างสมมาทั้งในอดีตและปัจจุบัน ดังตัวอย่างที่ยกมา โดยเฉพาะผู้นำที่อยู่ในศีลในธรรม ส.ส.รุ่นเก่ามีอายุเหลืออยู่ไม่กี่ปีก็ต้องตายไป ส.ส.รุ่นใหม่มีเวลา ๓๐-๕๐ ปี ก็ต้องตายไปเหมือนกัน ฉะนั้นเวลาที่จะสร้างสมบุญบารมีนั้นมีอยู่ไม่นาน เพราะส.ส.แต่ละท่านใช่ว่าจะได้อยู่ฝ่ายรัฐบาลตลอดไป จะได้งบมาสร้างงานช่วยเหลือชาวบ้านไม่ได้มีตลอด ถึงแม้จะไม่ได้เป็นฝ่ายรัฐบาลแต่ก็สร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมได้ เหมือนกับมฆมานพ ข้อวัตรปฏิบัติที่ยังทำได้ไม่ครบถ้วนอย่างมฆมานพ ก็ทำในข้ออื่นๆ อย่างศีลห้า เป็นต้น ถ้าคนในประเทศมีศีลห้าบริสุทธิ์มากขึ้นรวมทั้งผู้นำด้วยก็จะทำให้ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตต่างๆไปได้
จุดเสื่อมของศีลห้า สุรายาสูบ ยาบ้า ปล้น ฆ่า ชิงทรัพย์ อนาจาร ด่าทอ เสียดสี ยุยง ฝ่ายตรงข้ามเพราะขัดผลประโยชน์ ภิกษุนอกรีต และอื่นๆ อีกมากทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว
ส.ส.รุ่นใหม่นอกจากมีความรู้ด้านการเมือง การคลัง การบริหาร และควรศึกษาเรื่องบุญบาป ต่อไปเมื่อมีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรีจะได้ไม่หลงผิด เห็นแก่ลาภยศ สรรเสริญ สุขที่มันไม่เที่ยง โกงกิน ฉ้อราษฎรบังหลวงได้เงินมาให้ความสุขอยู่กับเราได้ไม่นาน ที่สุดต้องไปรับผลกรรมจากการกระทำผิดของเรา ฝ่ายส.ส.ผู้สูงอายุก็เหลือเวลาไม่กี่ปีที่จะมุ่งสร้างความดี ส่วนที่ไม่ดีก็ยังกลับตัวกลับใจสร้างความดีที่มีคุณประโยชน์ต่อบ้านเมืองได้
อนาคตประเทศไทย
ต้องรอให้คนไทยส่วนใหญ่อยู่ในศีลธรรมมากกว่านี้ เช่นเดียวกับเมืองที่ข้าวยากหมากแพง ฝนแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล ดังยกตัวอย่างไว้แล้วข้างต้น
ไหว้พระ ๘ นิ้ว
เห็นผู้คนทั้งหลายทางทีวี มีตั้งแต่พระสงฆ์ ดารานักแสดง นักร้อง ผู้ใหญ่และเด็ก เวลาไหว้เดี๋ยวนี้ชอบไหว้กันแปดนิ้ว คือให้หัวแม่มือไขว้กันขณะไหว้ เมื่อก่อนก็ยังมีน้อยอยู่ ปัจจุบันไม่รู้ไปทำตามใคร โดยเฉพาะดารานักแสดงจะเห็นบ่อยมาก การที่ไหว้คนอย่างนั้นก็คงไม่เสียหายเท่าไหร่ แต่ถ้าไปไหว้พระสวดมนต์เข้าผิดร้ายแรงมาก
ในสมัยก่อนมีการกัดนิ้วจนขาด เพื่อเวลาไหว้จะได้ไม่ครบสิบนิ้ว เนื่องจากความไม่เคารพ ไม่ยอมอ่อนน้อมก้มหัวให้ศัตรู มีรายละเอียดอยู่ในหนังสือราชาธิราช(มีการกัดนิ้วตัวเองขาดเพื่อไม่ให้มีนิ้วครบ ๑๐ นิ้ว เวลาว่ายฝ่ายตรงข้ามที่เป็นศัตรู ก็ดูเหมือนเป็นการไม่เคารพศรัทธา เพราะไหว้ไม่ครบ ๑๐ นิ้ว) และยังมีพวกยักษ์หรืออสูรที่เวลาไหว้ใครแล้วจะกดหัวแม่มือซ่อนไว้ไม่ให้เล็บอันยาวน่ากลัวโผล่ออกมา ป้องกันไม่ให้ผู้อื่นรู้ว่าไม่ใช่คน ดังนั้นในสมัยก่อนจึงบอกว่าการไหว้โดยกระพุ่มมือนิ้วทั้งสิบเรียงชิตติดกันให้เห็นเล็บอันแวววาว ถ้าใครเล็บยาวหน่อยก็จะว่าเป็นยักษ์เป็นมาร
วัยรุ่นที่ชอบสาบานมักจะเอามือข้างหนึ่งซ่อนไว้ข้างหลังแล้วเอานิ้วไขว้กัน บ่งบอกความหมายว่าไม่เป็นจริง คือ ปากว่าอย่างหนึ่งแต่ใจว่าอย่างหนึ่ง เรียกว่าโกหกซึ่งหน้าไม่ยอมรับความจริงที่พูดไป บอกถึงความเจ้าเล่ห์ที่แท้โกหกเป็นนิสัย
พูดถึงการไหว้พระแปดนิ้วเป็นการลบหลู่ศาสนา จะโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี โดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ดี ผู้ไหว้ย่อมได้รับผลกรรมนี้แน่นอน กรรมย่อมส่งผลข้ามภพข้ามชาติ ตัวอย่างในพระไตรปิฎกไม่มีในเรื่องนี้ แต่มีในเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น พระลกุณฎกภัททิยเถระที่อดีตชาติ ให้ย่อส่วนการสร้างพระมหาเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระกัสสปพุทธเจ้า ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงทำให้พระลกุณฎกภัททิยเถระ เกิดมามีร่างกายต่ำเตี้ย ถูกล้อเลียนว่าเป็นสามเณร
มีเรื่องบุพกรรมของพระจูฬปันถก ที่อดีตชาติเคยบวชเรียนอยู่ในสำนักพระกัสสปพุทธเจ้า ท่านเองมีความจำที่รวดเร็วและแม่นยำมาก ไปหัวเราะภิกษุรูปหนึ่งที่ปัญญาทึบท่องบ่นสาธยายหัวข้อธรรมแม้บทเดียวก็จำไม่ได้ ทำให้เป็นที่อับอายจนเลิกเรียนสาธยายธรรมนั้น กรรมในอดีตจึงส่งผลให้พระจูฬปันถกมีปัญญาโง่เขลา ท่องพระคาถาแม้บทเดียวก็ไม่ได้ นี่แค่เยาะเย้ยดูหมิ่นพระด้วยกันยังได้รับผลกรรมถึงเพียงนี้ ถ้าลบหลู่พระรัตนไตร โดยเฉพาะพระธรรมที่เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าแล้วผลออกมาจะขนาดไหน
คนที่เคยไปว่าพระบ้า พระบ้า ที่สุดตัวเองต้องเป็นบ้าไปก็มี กรรมส่งผลในปัจจุบัน ส่วนคนที่ไหว้พระแปดนิ้วที่มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาปก็เลิกทำเสีย แล้วจัดหาดอกไม้ธูปเทียนไปกล่าวขอขมากรรมต่อพระพุทธรูปในโบสถ์ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ต่อการกระทำของตน อันเป็นการลบหลู่พระศาสนา ต่อนี้ไปจะได้ตั้งใจศึกษาธรรมให้มากขึ้น ช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนา เร่งสร้างบุญให้มากขึ้นให้กรรมนั้นตามไม่ทัน หรือทันก็ส่งผลน้อยเพราะมีบุญรองรับอยู่ อย่างเช่นพระลกุณฎภัทรทิยะที่ร่างกายต่ำเตี้ย แต่มีผลบุญที่ได้ถวายทานพระปทุบุตรตรสัมมาสัมพุทธเจ้า และผลบุญที่สะสมมากกว่าแสนกัปจึงทำให้สำเร็จพระอรหันต์ ส่วนที่ไหว้พระ ๘ นิ้วนั้นจะส่งผลเมื่อไหร่ กรรมที่ได้รับเป็นอะไรบ้างไม่อาจคาดเดาได้ คนที่รู้ตัวว่าทำผิดก็ให้รีบแก้ไขเสีย เพราะไม่อย่างนั้นไม่มีโอกาสมาเกิดพบเจอศาสนาของพระศรีอาริยะเมตไตรแน่นอน เนื่องจากนิ้วไม่ครบ เป็นคนพิการ ศาสนาของพระศรีอารย์ทุกคนรูปร่างสวยงามแม้แต่ผิวพรรณก็ผุดผ่องเนียนละเอียดคือสวยเพราะบุญที่สะสมมา ในยุคนี้ไม่มีคนพิการทุกชนิด
ถือมากหนักมาก
ผู้ที่ไปยึดติดว่าสิ่งนั้นเป็นมงคล สิ่งนี้ไม่ดี ทำไปแล้วไม่เจริญก้าวหน้าเข้าไปอยู่ในกฎกติกาของทางโลก เชื่อโชคลางถือมงคลตื่นข่าว ถือมากก็เกิดมาก การถือนั่นนี่เป็นการยึดติด เมื่อยึดติดก็ต้องกลับมาเกิดอีก ทุกอย่างไม่เที่ยง เมื่อไม่เที่ยงแล้วไปยึดติดให้ทุกข์ทำไม ทุกข์ก็เพราะไปยึดติด พยายามไปบังคับให้อยู่ในกฎเกณฑ์หรืออำนาจของเขา
มันบังคับไม่ได้เนื่องจากมันไม่เที่ยง แม้ร่างกายของเราๆจะไปบังคับไม่ให้เหี่ยว ไม่ให้ย่น ไม่ให้แก่ ไม่ให้ตายก็ไม่ได้ แล้วจะไปบังคับคนอื่นได้อย่างไรกัน ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลายพยายามที่จะลดละไม่ยึดติดก็ไม่ได้ พยายามทำให้ว่างก็ยังทำไม่ได้ และการบังคับให้มันว่างก็ไม่ใช่หนทางนิพพาน เพราะไม่ได้เป็นไปโดยธรรมชาติ คือดับเหตุและปัจจัยได้อันมี ราคะ โทสะ โมหะ เป็นเหตุ มีมรรค ๘ เป็นเครื่องมือดับเหตุและปัจจัยนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น