วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บทที่ ๘ ศีลกาเมสุมิฉาจาร(ตอนที่ ๓)

วิบากกรม  คู่รักบางคู่ตอนแรกอยู่ด้วยกันก็มีความสุขดี  มาตอนหลังก็มีการทะเลาะเบาะแว้งถึงขั้นทุบตี  โดยฝ่ายหญิงจะเป็นผู้ถูกกระทำเสียมากกว่า  บางคนก็คิดว่าเป็นเพราะชาติที่แล้วทำกรรมกับเขาเอาไว้มาก  ชาตินี้เขาถึงมาทุบตีเราตลอดเวลา  บางครั้งก็ไม่มีเหตุผล   และผู้ชายบางคนก็ไปมีเมียน้อยทำให้เศร้าเสียใจ  ในเมื่อเรารู้ถึงวิบากกรมอันนี้แล้ว  เราจะยังไปรับสภาพกรรมนั้นอยู่อีกทำไมต่อไป  ในเมื่อเรารู้อยู่ว่านั่นเป็นทุกข์  แล้วเราจะไปยึดติดกับความทุกข์อยู่ทำไม  ถ้าจะบอกว่ารักเขามากไม่อยากเลิกกับเขา  ก็นั่นแหละทั้งที่รู้อยู่ว่าทุกข์แต่ก็ไม่ยอมตัดใจ คือละทุกข์ตัวนั้นเสีย  เหมือนคนที่รู้ว่าสิ่งนี้ผิดแต่ก็ยังกระทำอีก  โดยไม่เกรงกลัวต่อบาปไม่กลัวกรรมที่จะต้องชดใช้  คนประเภทนี้มีมาก  ฉะนั้นผู้คนทั้งหลายจึงไปสวรรค์เท่ากับเขาโค  แต่ไปนรกเท่ากับขนโค
ต้องมาพิจารณาดูว่าเราไปยึดติดอะไรในตัวเขา  ถึงไม่ยอมเลิกจากเขา  ความรักแบบลุ่มหลงส่วนใหญ่ล้วนติดอยู่กามฉันทะ  อันมีรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และอารมณ์  ความพอใจความกำหนัดยินดีในการเสพกาม  หลงเวลาเขาทำกามกิจให้เราพึงพอใจ  หลงคำพูดหวานๆที่ทำให้เราตายใจ  ทำให้เรามีความสุข  แต่ความสุขนั้นก็ไม่เที่ยง  เดี๋ยวก็หายไป  แล้วก็ถูกด่าถูทุบตีอีก  ผู้ชายก็ไปหาเมียน้อยอีก  เมื่อก่อนก็ว่าเมียเราสวยรักเมียคนเดียว  นานวันไปก็เจอคนที่สวยกว่าเอาใจเก่งกว่า  ลีลารักถึงอกถึงใจกว่า  เมียเราทำไม่เก่ง เมียเราน่าเบื่อ
ความรักที่เป็นเรื่องของคนสองคนที่ประกอบกามกิจกัน  เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับโลกมาช้านาน  จนทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดหาที่สุดของภพชาติไม่ได้  พระอริยะสาวกทั้งหลายจึงปฏิบัติตนเพื่อจะออกจากกาม  ดังเขียนไว้แล้วข้างต้น
สามีภรรยาถ้าเข้าใจกันดีหันหน้าปรึกษากันเรื่องของกามก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่  นอกจากความมักมากในกามคุณไม่มีที่สิ้นสุด  โดยคิดว่าตัวเองมีเงิน  ตัวเองมีอำนาจ  จะสรรหาผู้หญิงมาบำรุงบำเรอความสุขของตัวเองยังไงก็ได้  จะมีบ้านเล็กบ้านน้อยสักกี่หลังก็ได้  ก็วิบากกรรมข้ามภพข้ามชาติ  ยังไม่ส่งผลในปัจจุบัน  ทำให้ผู้ที่หลงทั้งหลายยังไม่ได้รับกรรมจึงเกิดความย่ามใจ  ทำผิดแล้วผิดอีก  ความจริงบนเทวโลกก็มีการประกอบกามกิจเหมือนกับคนเรา  บางทีก็เรียกสวรรค์ทั้งหกชั้นว่า  กามาวจรสวรรค์หรือกามาพจรสวรรค์  สวรรค์ชั้นที่ ๑ และ ๒  มีการประกอบกามกิจเหมือนมนุษย์เราทั้งหลาย  แต่เทวดาตนใดหลงแต่ประกอบกามกิจอย่างเดียวไม่ได้ทานอาหารอะไรเลย  ก็สามารถจุติจากสวรรค์ได้  แล้วมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็มี  เป็นมนุษย์ก็มี  เป็นสัตว์นรกก็มี  แม้ว่าเทวดาตนนั้นยังไม่หมดอายุขัย
การที่จะเลิกรักเลิกหลงใครสักคนหนึ่งไม่ใช่ของยาก  ถ้าตั้งใจจริง  โดยนึกถึงอสุภกรรมฐาน  พิจารณาถึงคนที่เรารัก  เขาไม่ได้รักเราจริง  ถ้าเขารักเราจริง  เขาจะไม่ทำร้ายจิตใจและร่างกายของเรา  เขาจะไม่ทำให้เราต้องร้องไห้เสียน้ำตา  เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเราจะไปหลงยึดติดกับเขาทำไม  ร่างกายของเขามีแต่ของเสียเป็นรังของโรคมีแต่สิ่งเน่าเหม็น  พิจารณาถึงสิ่งเน่าเหม็นที่ออกจากร่างกายของเขา ไม่มีอะไรเป็นสิ่งที่ดีที่จะต้องไปยึดติด  มีตรงไหนบ้างที่ทำให้เราลุ่มหลง  ที่สุดก็ไม่มีอะไร  มันไม่เที่ยงจะไปยึดติดกับความไม่เที่ยงทำไม
พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส คนที่จะบรรลุธรรมได้ประเภทหนึ่ง  ก็คือคนที่เจอทุกข์ขนาดหนักในขณะนั้น  และรู้จักพิจารณาให้เห็นธรรมที่แท้จริง  ธรรมที่เกิดขึ้นกับตัวเราในขณะนี้คือความทุกข์  ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเห็นได้ง่ายที่สุด  และทุกข์ตัวนี้ก็ไม่เที่ยง  เมื่อก่อนไม่มีเขาเราก็อยู่ได้  เวลานี้มีเขากลับทำให้เราทุกข์ได้  ที่เราทุกข์อยู่ได้เพราะเราไปยึดติดในตัวเขา  ว่าตัวเขาเป็นของเรา  รักเราคนเดียวไม่ทำให้เราต้องเศร้าโศกเสียใจ  ที่เขาไม่เป็นของเราคนเดียวเพราะเราบังคับไม่ได้  ถ้าบังคับได้จริงเขาต้องเชื่อฟังเรา  แต่นี่เขาไม่ทำตามใจเรา  พิจารณาอย่างนี้ให้มากๆ ก็จะสามารถเข้าใจกฎไตรลักษณ์ได้เป็นอย่างดี  ว่าทุกอย่างไม่เที่ยง  มันเป็นทุกข์  บังคับไม่ได้  อนิจจัง   ทุกขัง  อนัตตา
ถ้าพิจารณาตามบทความที่เขียนไว้ในนี้ก็มีโอกาสบรรลุธรรมขั้นต้นได้  และถ้าหากมีการชี้แนะที่ถูกต้องก็จะทำให้เข้าใจหลักธรรมได้เร็วขึ้น
ในเมื่อรู้อยู่ว่าทุกข์แล้วจะไปยึดติดอยู่ทำไม  รู้ว่าของมันหนักก็ยังไปแบกอยู่ไม่ยอมวางมันเสีย  รู้ว่าร้อนก็ยังไปจับมัน  จะเป็นหนี้เวรหนี้กรรมมาตั้งแต่ชาติปางไหนก็แล้วแต่  มาชาติปัจจุบันนี้เรารู้เราเข้าใจเรื่องทุกข์  สาเหตุแห่งทุกข์  การที่จะดับทุกข์  และวิธีการดับทุกข์ได้แล้ว  และเราจะไปยึดติดอยู่ทำไมกัน  และถ้าจะคิดใช้หนี้ใช้เวรกันแล้ว  เมื่อไหร่ถึงจะใช้กันหมดสักที  เพราะว่าเราเกิดมานับชาติไม่ถ้วน  สร้างเวรสร้างกรรมอะไรไว้บ้างจะไปรู้ทั้งหมดได้อย่างไรกัน  พระที่เก่งๆสามารถรู้อดีตชาติเพียงไม่กี่ชาติเอง ดาบส ฤาษีที่มีตบะบารมีได้ญาณอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ระลึกชาติได้ ๘๐ กัป พระอรหันต์ระลึกชาติได้หนึ่งแสนมหากัป  พระสารีบุตรเถระ  พระโมคคัลลานเถระ  พระพากุลเถระ( คลอดจากท้องคนแล้วเข้าไปอยู่ในท้องปลา )  พระภัททากัจจานาเถรี( พระนางพิมพา ) ท่านทั้ง ๔ ระลึกชาติได้ ๑ อสงไขยกับแสนมหากัป
คนที่รู้ว่าทุกข์แล้วยังไปแบกรับทุกข์นั้น  น่าสงสารจริงๆ  ถ้าเขาสามารถรู้เหตุแห่งทุกข์นั้น  และหาวิธีที่จะดับมันได้ เขาก็จะดับทุกข์นั้นได้  บางคนคิดว่าตัวเองทำถูกต้องแล้วซึ่งความจริงมันผิด   เมื่อคิดผิดแต่แรกแล้วอย่างอื่นก็ผิดหมด
พระพุทธเจ้ารู้ว่าการเกิด  การแก่  การเจ็บ  การตาย เป็นทุกข์  การพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รัก  ที่พอใจเป็นทุกข์  การไม่ได้สิ่งที่รัก ที่พอใจเป็นทุกข์  อยากได้สิ่งใดแล้วไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์  พระพุทธเจ้าจึงค้นหาวิธีการดับทุกข์ทั้งหลายนี้เสียได้  คือ อริยะสัจ๔
แต่คนเรามักจะวิ่งเข้าหาทุกข์  จนต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้  ก็ในเมื่อเวลาพระสัทธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ายังมีอยู่  ทำไม่จึงไม่ศึกษากัน  เพื่อจะมีโอกาสได้บรรลุธรรมกับเขาได้บ้าง  อย่ามัวโทษนั่นโทษนี่และตำหนิตัวเองอยู่เลย  เพราะทุกคนสามารถบรรลุธรรมได้ทั้งนั้น  คนเราอายุไม่ถึง  ๑๐๐ ปีก็ตาย  เมื่อตายแล้วก็ไม่มีอะไรหลงเหลือที่เป็นตัวเราอยู่เลย  แม้หมดรุ่นลูกรุ่นหลานจะมีใครสักกี่คนที่จำเราได้
มีอำนาจแล้วใช้อำนาจในทางที่ผิด เจ้านายรังแกลูกน้อง  การที่ผู้ใหญ่หรือผู้บริหารที่มีอำนาจสามารถกำหนดชะตาชีวิตของลูกน้องได้  คือใครถ้าไม่เชื่อฟัง  ไม่อยู่ภายใต้อำนาจ  ผู้นั้นมีสิทธิ์ถูกโยกย้าย  ถูกกลั่นแกล้ง  ถูกตัดเงินเดือน  ถูกไล่ออก  ด้วยความไม่เป็นธรรม
การใช้อำนาจไปข่มขู่ผู้อื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งความต้องการของตนเอง  เหมือนกับนายพลที่กลับชาติมาเกิดเป็นสุนัข ( อยู่ในบทความกุญแจธรรม )  ส่วนผู้ที่ใช้อำนาจเพื่อให้ได้ผู้หญิงมาบำบัดความใคร่ของตัวเอง  กรรมหนักยิ่งกว่านายพลที่มาเกิดเป็นสุนัขเสียอีก  คนประเภทนี้รับกรรมยิ่งกว่านางรุจาหลายเท่า
ส่วนใหญ่คนไม่ค่อยจะกลัวบาปจึงหลงทำไป  กรรมบางอย่างให้ผลช้าบางอย่างให้ผลเร็ว  แม้ทำกรรมเหมือนกันยังให้ผลไม่เท่ากันเลย  แล้วแต่เหตุปัจจัย  บางครั้งบางคนจะพูดว่า ผู้หญิงคนนี้........  ถ้าได้นอนสักครั้งจะตกนรกก็ยอม  นี่ไง ขอความสุขเอาไว้ก่อนต่อไปจะมีผลยังไงก็ช่าง ประเภทไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา  คิดแต่จะได้อย่างเดียว
วัยรุ่นที่ไปข่มขืนผู้อื่นเขา  หรือไปล่อลวงเขาด้วยวิธีต่างๆ  เพื่อเห็นแก่ความสุขชั่วครั้งชั่วคราว ให้ตัวเองได้บำบัดความใคร่  เมื่อทำไปแล้วก็อยู่ไม่เป็นสุขกลัวตำรวจจะจับได้  ถึงแม้จะมีการถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้พื่อข่มขู่ก็ตาม  สักวันหนึ่งก็จะถูกจับได้อยู่ดี  แต่กรรมนั้นยังไม่หมดตายไปแล้วต้องไปชดใช้กรรมในนรกอีกต่อไปพ้นจากนรกแล้วยังต้องไปเป็นสัตว์เดรัจฉานอีก  เนื่องจากผลกรรมยังไม่ส่งผลในปัจจุบัน  จึงไม่มีความรู้สึกเกรงกลัวต่อบาปกรรมที่ทำลงไป 
เนื้อคู่ 
ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าของเราทั้งหลาย  ขณะที่เสวยพระชาติเป็นมานพหนุ่มผู้หนึ่ง  ได้ถวายไทยทานแด่พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง  แล้วอธิษฐานความปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นได้ตรวจดูด้วยทิพย์ญาณและทรงพยากรณ์ว่า  มานพหนุ่มผู้นั้นจะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งนามว่าพระโคตโม  ยังความปิติยินดีให้แก่มานพหนุ่มผู้นั้น  แล้วจากไป
ขณะเดียวกันนั้น  มีหญิงสาวผู้หนึ่งได้เห็นเหตุการณ์นั้นทั้งหมด  จึงเข้าไปถวายทานกับพระพุทธเจ้า  แล้วทูลถามว่าชายผู้นั้นทำทานแล้วอธิฐานปรารถนาสิ่งใด  พระพุทธเจ้าก็ตรัสบอกไปตามความจริงทั้งหมด  หญิงสาวนั้นเมื่อถวายทานเสร็จแล้ว  จึงอธิฐานความปรารถนาของตนว่า  ขอเป็นคู่ครองของชายผู้นั้นตลอดทุกชาติ  แม้ชาติสุดท้ายที่ชายผู้นั้นจะสำเร็จพระโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า  แล้วก็ทูลถามความปรารถนาของตนจะสำเร็จสมหวังหรือไม่   พระพุทธเจ้าก็ทรงพยากรณ์ว่าเธอจะสมหวังและในชาติสุดท้าย  เธอจะได้อภิเษกกับเจ้าชายสิทธัตถะ
ทั้งมานพหนุ่มและหญิงสาวนั้นได้ทำทานรักษาศีลตลอดชีวิต  เมื่อแตกกายตายไปก็ไปเสวยสุขอยู่บนสวรรค์  จากนั้นก็มาเกิดเป็นมนุษย์เป็นคู่ครองกันหลายชาติ  บางชาติก็พลัดพรากจากกัน

Photobucket

พระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายกว่าจะสำเร็จโพธิญาณตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้นั้นต้องสร้างบารมีถึงสี่อสงไขยกับหนึ่งแสนมหากัป   เมื่อคิดที่ปรารถนาพุทธภูมิในครั้งแรกนั้น  ได้เสวยพระชาติเป็นสุเมธดาบส ในสมัยนั้นได้ทำทานถวายชีวิตโดยยอมให้พระพุทธเจ้าทีปังกรและพระสาวกอีก ๔๐๐,๐๐๐ รูปเดินเหยียบบนหลัง  เพราะตัวท่านสุเมธดาบสทำตัวเป็นสะพานนอนทับบนน้ำสกปรก เพื่อให้พระพุทธเจ้าทีปังกรและพระสาวกเดินได้โดยสะดวก  หลังจากนั้นสุเมธดาบสก็ทูลถามความปรารถนาของตนจะสำเร็จหรือไม่  พระพุทธเจ้าทีปังกรก็ทรงพยากรณ์ว่า  ท่านสุเมธดาบสจะมาบังเกิดป็นเจ้าชายสิทธัตถะ  มีพระราชบิดาพระนามว่าพระเจ้าสุทโธทนะ  พระราชมารดาพระนามว่าสิริมหามายา  พระสารีบุตรเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวา  พระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย  พระอานนท์เป็นพุทธอุปัฏฐาก  พระเขมาเถรีเป็นอัครสาวิกาเบื้องขวา  พระอุบลวรรณาเถรีเป็นอัครสาวิกาเบื้องซ้าย   เมื่อมีญาณแก่กล้าแล้วออกภิเนษกรมณ์   ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า โคตมะ
จะเห็นว่าในครั้งนี้ยังไม่มีชื่อของพระนางพิมพาและพระราหุลร่วมอยู่ด้วย  เนื่องจากพระนางพิมพาได้อธิษฐานเป็นคู่บารมีของเจ้าชายสิทธัตถะ  หลังจากพระสุเมธดาบสได้สร้างบารมีไปแล้วสามอสงไขย  เหลืออีกหนึ่งอสงไขยกับแสนมหากัปพระนางพิมพาจึงได้มาเจอพระโพธิสัตว์   และการที่พระนางพิมพาอธิษฐานความปรารถนาของตนอย่างนั้น ใช่ว่าจะต้องการเป็นคู่ครองของพระโพธิสัตว์ตลอดไป  แต่ต้องการร่วมสร้างบารมีเพื่อหวังความหลุดพ้น โดยได้ฟังธรรมกับพระพุทธเจ้า
มีอยู่หลายชาติหลายสมัยที่พระนางพิมพาไม่ได้อยู่เป็นคู่ครองของพระโพธิสัตว์  เนื่องจากพระนางเคยเป็นชู้กับชายอื่นนอกใจพระโพธิสัตว์  ทำให้พระนางต้องไปรับกรรมอยู่ในนรกเป็นเวลานาน  เมื่อชดใช้กรรมหมดแล้วมาเกิดเป็นมนุษย์เป็นหญิงงามเมืองขายบริการอยู่หลายชาติ  จนในที่สุดมีอยู่ชาติหนึ่งได้พิจารณาเห็นกรรมที่ต้องเกิดมาเป็นอย่างนี้  ตั้งแต่นั้นมาจึงเร่งสร้างทานรักษาศีลมาตลอด  จึงได้กลับมาพบกับพระโพธิสัตว์อีก  จนในชาติสุดท้ายจึงมาเกิดเป็นพระนางพิมพา
การที่จะเกิดมาแล้วเป็นคู่ครองกันนั้น  มีเหตุและปัจจัยคือ  ๑. ต้องมีศรัทธาเสมอกัน  ๒.  ต้องมีศีลที่เท่ากัน  ๓. มีจาคะเท่ากัน  ๔. มีปัญญาที่เท่ากัน  ก็จะได้พบกันทั้งชาตินี้และชาติหน้า  ถ้าสามีหรือภรรยาของเราเป็นคนไม่ดี  นอกใจเราไปมีคนอื่นหรือทำร้ายร่างกายเราต้องได้รับความเจ็บปวดทั้งกายและใจ   เราเองก็ให้โอกาสเขากลับตัวกลับใจแก้ไขในสิ่งที่ผิด  นึกถึงความรักและอุปสรรคต่างๆกว่าจะได้มาอยู่ร่วมกัน  หรือพวกที่ไม่เชื่อฟังคำผู้ใหญ่  ชิงสุกก่อนห่ามหรือรักสนุกทำเรียนแบบผู้อื่น  ที่สุดก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด  เจอแต่ความทุกข์ร้อยแปด  แล้วเราจะไปทนทุกข์อยู่กับเขาอีกต่อไปทำไมกัน   โดยเฉพาะผู้หญิงที่คิดว่าหาทางออกไม่ได้  เดี๋ยวนี้มีมูลนิธิหลายแห่งที่ให้คำปรึกษาแก่หญิงที่ถูกทำร้ายแม้แต่สามีที่คอยทำร้ายร่างกายภรรยา ปัญหาเรื่องลูก ใครจะรับผิดชอบอย่างไร  ส่วนเรื่องของธรรมะนั้น  ทุกอย่างไม่เที่ยงสักวันหนึ่งก็ต้องตายจากกันไป  ไปอยู่กันคนละภพภูมิ  ยิ่งเราทำบุญทานให้มากยิ่งๆขึ้นไป  ชาติหน้าภพหน้าก็จะได้คู่ครองที่ดีกว่า
นางจิญจมาณวิกาที่เคยรับจ้างพวกเดียรถีย์ไปกล่าวบริภาษพระพุทธเจ้าว่าทำให้ตนเองท้องนั้น  ตอนหลังถูกจับได้และถูกขับออกจากวิหารแล้วถูกธรณีสูบ  ซึ่งสมัยที่พระพุทธเจ้าเคยเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าปทุมก็ถูกนางใส่ร้าย  ว่าพระเจ้าปทุมได้ข่มขืนนาง  หรือชาติอื่นๆนั้น  นางก็เคยเกิดเป็นภรรยาของพระโพธิสัตว์อยู่หลายชาติและเป็นชู้กับชายอื่น  แม้ชายผู้นั้นจะพิการเป็นโจรถูกเขาตัดมือตัดเท้าตัดจมูกตัดหู  ซึ่งตรงนี้จะทำให้เข้าใจยิ่งขึ้นในเรื่องบุญที่ไม่เท่ากัน  พระพุทธเจ้าของเราสร้างบารมีมาโดยตลอด แต่นางจิญจมาณวิกาสร้างแต่กรรม  แม้ชาติปัจจุบันนางจะได้เกิดร่วมภพชาติเดียวกับพระพุทธเจ้าแต่ก็ไม่ได้อยู่เป็นคู่ครองกัน  ฉะนั้นผู้หญิงทั้งหลายก็ไม่ควรไปยึดติดกับผู้ชายเลวๆที่ทำให้เราต้องทุกข์ทรมานใจ  หมั่นสร้างบุญบารมีให้มากเข้าไว้จะพบกับความสุขเอง  ถึงแม้เขาจะมาเกิดร่วมชาติกับเรา  เขาก็จะไม่ใช่คู่ของเรา  แม้เขาจะมาตื๊อจีบเราที่สุดก็ต้องแพ้ภัยตัวเอง  เพราะความไม่เท่ากันในส่วนต่างๆที่กล่าวไปแล้ว โดยเฉพาะบุญที่ไม่เท่ากัน  สามีดื่มเหล้าเมาแล้วทุบตีเรา  เราหมั่นทำบุญให้มากๆ  ถ้าได้ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานโดยตลอด บุญเรามากกว่า  สามีอาจจะกลับตัวกลับใจมาอยู่กับเราไม่ไปยุ่งกับเมียน้อย ส่วนสามีที่กินเหล้าก็จะเลิกเหล้าได้  แต่ถ้าไม่เป็นไปทั้งสองอย่าง  สามีจะแพ้บุญของเรา  มีอันให้ต้องเลิกรากันไปในที่สุด  แล้วเราจะได้คนใหม่ที่ดีกว่า  หรือไม่ได้คู่ครองใหม่แต่ยังทำบุญปฏิบัติธรรมอยู่  เมื่อแตกกายตายไปบังเกิดบนสวรรค์เป็นภรรยาของเทพบุตร หล่อกว่ามนุษย์ทั้งหลายในโลกไม่มีแก่ มีเหี่ยว จนกว่าจะหมดบุญกลับมาเกิดใหม่  เมื่อเกิดใหม่ก็จะไม่ได้เป็นคู่กับสามีเก่า  เพราะบุญไม่เท่ากันอีกอย่างสามีเก่ายังชดใช้กรรมในนรกยังไม่หมด หรือหมดแล้วก็เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเพราะความหลงที่คิดว่าเหล้านั้นดี  หรือการมีภรรยาหลายคนโดยไม่สนใจความรู้สึกของภรรยาหลวง มักมากในกามคุณเหมือนสัตว์เดรัจฉานตัวผู้ที่คอยป้องกันหวงถิ่นหวงเหล่าตัวเมียทั้งหลาย  และบางครั้งยังข้ามถิ่นไปแย่งตัวเมียของผู้อื่นอีก  มีการต่อสู้ แย่งชิง  ฆ่า ทำลาย  เมื่อตายไปก็ตกนรกอีก  พ้นจากนรกก็มาเป็นสัตว์เดรัจฉาน  หลังจากนั้นก็ค่อยมาเกิดเป็นมนุษย์  มาสร้างกรรมต่อไปหาที่สุดภพชาติไม่ได้  อย่างนี้แล้วเราจะไปหลงยึดติดกับคนประเภทนั้นอยู่ทำไม  ถ้ายังไม่อาจบรรลุธรรมได้ในชาตินี้  ก็หมั่นรักษาศีลให้บริสุทธิ์  ตายแล้วไปเสพสุขบนสวรรค์  เวียนว่ายตายเกิดระหว่างมนุษย์กับสวรรค์  ไม่นานก็จะพบกับพระศรีอารียเมตไตรแล้วก็มีโอกาสได้ฟังธรรมและบรรลุมรรคผลนิพพาน ฟังดูง่ายแต่จะทำยากหน่อย  เพราะต้องศรัทธาในพระรัตนไตรและอย่าให้ศีลบกพร่อง  และถ้าผู้อ่านได้ปฏิบัติอย่างที่ผมเขียนบอกไว้ทั้งหมด  ก็จะทำให้มองเห็นช่องทางที่ถูกต้องที่ผมชี้ไว้แล้ว
เมื่อรักแล้วและรู้จักรัก  และเราเองได้ปฏิบัติธรรมมองเห็นธรรมและได้บรรลุธรรมแล้วเราก็ควรนำธรรมะนั้นๆไปบอกแก่คนที่เรารัก  คนที่เราเคารพนับถือ  คนที่ใกล้ชิด ฯลฯ  เพื่อให้เขาเหล่านั้นได้บรรลุธรรมอย่างที่เรารู้  เขาจะได้ไม่ต้องทุกข์อีกต่อไป  ไม่ต้องร้องไห้อีก  เราจะนำธรรมะที่เรารู้ไปบอกให้เขาปฏิบัติให้ได้  เขาจะได้ไม่ต้องหลงเวียนว่ายตายเกิดจนหาที่สุดของภพชาติไม่ได้
ความรักที่ไม่สมหวัง  ทำให้ต้องทุกข์ทรมาน  ทำให้เกิดความหวงแหน  ทำให้เกิดการแย่งชิง  ทำให้ต้องโกหก  ทำให้ต้องป้องกัน  ทำให้ต้องรักษา ฯ  ทุกอย่างล้วนทำให้มีแต่ทุกข์  แล้วจะไปยึดติดอยู่ทำไม  ความรักที่ทำให้มีการสืบลูกสืบหลาน  ก่อภพสร้างชาติไม่มีที่สิ้นสุด  เมื่อก่อนนี้เขาเคยบอกรักเราคนเดียว  จะดูแลเราไม่ให้ลำบาก  แต่เดี๋ยวนี้กับทรยศหักหลังกับความรักของเรา  ก็เพราะว่าทุกอย่างมันไม่เที่ยง  เมื่อมันไม่เที่ยงก็ไม่ต้องไปยึดติดมัน  ถ้าคิดถูกคิดเป็นก็สามารถล่วงพ้นความทุกข์ไปได้
ความหลงที่ยึดติดในรูป  ผู้คนส่วนใหญ่ที่มีสังสารวัฏที่กำหนดที่สุดของเบื้องต้นและเบื้องปลายไม่ได้ ล้วนยึดติดในรูปทั้งนั้น  กามฉันทะ  ความพอใจในรูป  เสียง  กลิ่น  รส  และสัมผัส  เป็นสิ่งที่ละได้ยาก  จำเป็นต้องอาศัยการพิจารณาให้เห็นโทษ  จะได้ไม่ต้องก่อร่างสร้างเมือง  สร้างภพสร้างชาติให้ยืดยาวกันอีกต่อไป
หลงรูป  ครั้งก่อนนั้นพระเจ้าอัสสกะ มีพระอัครมเหสีพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระนางอุพพรี  มีพระรูปโฉมงดงามเป็นยิ่งนัก  มีผิวพรรณละเอียดผุดผ่องดังเทพธิดา  ต่อมาพระนางได้เสด็จสวรรคต  ทำให้พระเจ้าอัสสกะทรงทุกข์โศกเสียพระทัยยิ่งนัก  จึงโปรดให้เชิญพระศพไปไว้ในรางทองอันเต็มไปด้วยน้ำหอมแล้วให้ยกเข้าไปไว้ใต้แท่นบรรทม   ต่อมาพระองค์ก็ไม่เป็นอันเสวยได้แต่กันแสง  ฝ่ายพระประยูรญาติก็ได้เข้าทูลชี้แจงว่าธรรมดาของสังขารนั้นไม่เที่ยง  ขอพระองค์อย่าทุกข์ร้อนไปเลย  แต่พระองค์ก็ไม่ทรงเชื่อฟัง ได้แต่กันแสงหลงยึดติดในร่างของพระนางอุพพรี
ขณะนั้นมีดาบสตนหนึ่งสำเร็จอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘  อยู่ในป่าหิมพานต์รู้ว่า  บัดนี้พระเจ้าอัสสกะทรงมีทุกข์ที่ยิ่งใหญ่  เราควรจะไปเทศนาโปรด  เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว  จึงเหาะไปพักอยู่ในพระราชอุทยาน  ในเวลานั้นมีพราหมณ์ผู้หนึ่งไปพบ  จึงเข้าไปสนทนาด้วย  พระดาบสได้ถามถึงพระเจ้าอัสสกะว่าเป็นอย่างไรบ้างพราหมณ์ก็ชี้แจงไปตามความจริงทุกประการ  พระดาบสกล่าวว่าเราต้องการที่จะพบกับพระองค์  พราหมณ์บอกว่าอย่างนั้นข้าพเจ้าจะไปกราบทูลให้พระองค์ทรงทราบ ขอให้พระผู้เป็นเจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน
พราหมณ์ได้เข้าไปกราบทูลต่อพระเจ้าอัสสกะว่า  บัดนี้มีดาบสผู้วิเศษตนหนึ่งเป็นผู้มีตาทิพย์หูทิพย์ได้มาพักอยู่ในพระราชอุทยาน  ปรารถนาที่จะพบกับพระองค์  เมื่อพระเจ้าอัสกะได้ทรงทราบดังนั้นก็มีพระทัยเลื่อมใส  จึงเสด็จไปยังพระราชอุทยานทันที  นมัสการแล้วตรัสถามว่า  พระผู้เป็นเจ้าทราบไหมว่า  บัดนี้พระนางอุพพรีไปเกิดอยู่ในสถานที่แห่งไหน  ดาบสถวายพระพรว่า  พระนางเจ้าไปเกิดเป็นหนอนอยู่ในมูลโคในพระราชอุทยานนี้  เพราะกรรมที่พระนางเจ้าหลงมัวเมารักใคร่อยู่แต่ในพระวรกายของพระนาง  ไม่ทำบุญสร้างกุศลใดๆ  แต่พระเจ้าอัสสกะไม่ทรงเชื่อถือ  พระดาบสจึงกล่าวว่า  อาตมาจะแสดงหนอนนั้นให้พระองค์ทอดพระเนตร  แล้วก็อธิษฐานว่าขอให้หนอนสามีภรรยาและก้อนมูลโคจงมาปรากฏ ณ สถานที่แห่งนี้  พอขาดคำอธิษฐานหนอนสามีภรรยาก็มาปรากฏอยู่เบื้องหน้า  พระดาบสกล่าวว่า หนอนที่อยู่ข้างหลังคือพระนางอุพพรี  ขอพระองค์ทรงไต่ถามดู
พระดาบสถามนางหนอนนั้นว่า  เมื่อชาติที่แล้วได้มาเกิดเป็นอะไร  นางหนอนนั้นตอบด้วยภาษามนุษย์ว่า  ข้าพเจ้าได้เกิดเป็นพระนางอุพพรีอัครมเหสีของพระเจ้าอัสสกะ  พระดาบสถามต่อไปว่า  เวลานี้พระเจ้าอัสสกะหรือมูลโคอย่างไหนเป็นที่รักของเจ้า  นางหนอนตอบไปว่า  เมื่อก่อนพระเจ้าอัสสกะเป็นที่รักของข้าพเจ้าจริง  แต่มาบัดนี้ข้าพเจ้าไม่รักแล้ว  ถ้าข้าพเจ้าสามารถฆ่าพระเจ้าอัสสกะได้ข้าพเจ้าก็จะเอาเลือดคอมาทาเท้าหนอนผู้เป็นสามีของข้าพเจ้าทันที  ข้าพเจ้าเคยได้รับความสุขเคยเที่ยวเล่นกับพระองค์ในอุทยานนี้  แต่ความสุขทุกข์ในครั้งก่อนก็หายไปหมดสิ้นแล้ว  เหลือแต่ความสุขทุกข์ใหม่เข้ามาแทนที่อันเป็นธรรมดาของโลก  เพราะฉะนั้นหนอนนี้จึงเป็นที่รักของข้าพเจ้ายิ่งกว่าพระเจ้าอัสสกะ
เมื่อพระเจ้าอัสสกะทรงได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นแล้ว  ก็หมดความอาลัยในพระนางอุพพรี  มีพระดำรัสให้มหาดเล็กนำซากพระศพของพระนางออกไปจากพระราชวังทันที  แล้วจึงสรงน้ำพระเศียรในพระราชอุทยานให้มีสิริ  แล้วเสด็จกลับพระราชวัง
มาชาติสุดท้ายพระนางอุพพรีได้มาเกิดเป็นภรรยาเก่าของภิกษุรูปหนึ่ง พราหมณ์มาเกิดเป็นพระสารีบุตร  ส่วนพระดาบสมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น: