วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เมื่อคนรักนอกใจ

เพิ่มคำอธิบายภาพ
ผู้วาดภาพประกอบ : กฤษณะ สุริยกานต์
      ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายถ้าเจอแบบนี้เข้าทำใจลำบากทั้งนั้น ยิ่งถ้ารักกันมานาน รักแบบมีสัมพันธ์สวาทคือมีการได้เสียกันแล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงานหรือมีการยอมรับของญาติทั้งสองฝ่าย รักแบบมีลูกด้วยกัน
     ในทางโลกจะแก้ไขยังไงผมขอให้วางไว้ก่อน ผมจะบอกวิธีแก้ไขทางธรรมว่าต้องปฏิบัติและทำอย่างไรบ้าง และเมื่อคุณเข้าใจธรรมลึกซึ้งขึ้น คุณจะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่า คุณจะหย่าร้างขาดจากเขาโดยเด็ดขาด คุณจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากภรรยาน้อย (มีมูลนิธิหลายที่ให้คำปรึกษา) คุณจะให้อภัยเขาและถ้าเขาทำอีกคุณจะดำเนินการยังไงต่อไป
     ในทางธรรม ผมจะพูดถึงความรักที่ผิดหวังอย่างรุนแรงขนาดจะเป็นบ้า ฆ่าตัวตาย กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่สนใจเรื่องงานการ สิ่งที่เคยทำก็ไม่ทำ ดูแล้วทั้งน่าเวทนาและน่าสังเวชต่อผู้คนที่พบเห็นและคนรอบข้าง เก็บความรู้สึกอัดอั้นตันใจไม่ให้ใครรู้ พอกลับมาบ้านก็มาร้องไห้ฟูมฟาย ยังกับคนรักตายจากกัน บางทีญาติผู้ใหญ่เสียยังไม่ร้องไห้ถึงขนาดนี้เลย เพราะญาติไม่ได้อยู่ใกล้ชิดและไม่สามารถให้ความสุขทางด้านกามารมณ์ได้ บางครั้งก็พาลกับคนในบ้าน
     ความสุขทางด้านกามารมณ์เป็นความสุขที่ไม่แน่นอน แต่คนส่วนใหญ่ก็อยากจะได้มัน ทำสารพัดอย่างที่จะให้ได้มา เมื่อได้มาแล้วมันไม่ได้ดังใจก็แสวงหาใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายที่ไปมีเมียน้อย คนส่วนใหญ่มักเรียกผู้หญิงที่มีสามีแล้วและไปยุ่งกับชายอื่นอีกว่า ผู้หญิงคนนั้นมีชู้ แต่ในทางกลับกัน ถ้าผู้ชายที่มีภรรยาแล้วและไปยุ่งกับผู้หญิงอื่นมักเรียกผู้ชายคนนั้นว่า เขามีเมียน้อย ทำไมไม่เรียกว่าผู้ชายคนนั้นมีชู้ล่ะ
    ผู้หญิงที่ไปยุ่งกับผัวชาวบ้านก็บอกว่าผู้หญิงคนนั้นไปมีชู้กับผัวชาวบ้าน หรือผู้ชายไปยุ่งกับเมียชาวบ้านก็บอกว่าผู้ชายคนนั้นไปมีชู้กับเมียชาวบ้าน  แต่ในเรื่องแรกผู้ชายจะถูกพูดถึงว่ามีเมียน้อย ซึ่งเรื่องนี้อาจจะทำให้ผู้ชายที่มีเมียน้อยเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ผิดศีลข้อกาเม หรือบางคนรู้แต่ก็ยังอยากมี หรือบางทีก็แก้ตัวไปว่าใครๆเขาก็ทำ ก็นี่แหละที่ใครๆเขาก็ทำกันส่วนใหญ่ตกนรกหมดแล้ว พอพวกนี้ตกนรกแล้วก็ไม่มีโอกาสจะมาบอกซะด้วย เขาเราบางครั้งไม่ได้พิจารณาก่อนที่จะทำอะไรลงไปคิดว่าคนส่วนใหญ่ทำก็ทำตามเขาไม่น่าจะผิดอะไร “พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนไปสวรรค์เท่ากับเขาโค คนไปนรกท่ากับขนโค” คนส่วนใหญ่ก็คือขนโคและก็ตกนรกไป
     ถ้าคนรักของเราทำผิดศีลแล้วต้องตกนรก เราจะตกนรกไปรับความทรมานกับเขามั้ย ผมอยากให้คนปฏิบัติพิจารณาตรงนี้ว่าเราจะโง่ไปกับเขาหรือไม่ ถ้าคุณคิดว่าจะไปก็จบเป็นบัวใต้น้ำ อย่างนี้เสียเวลาอธิบาย ก่อนที่พูดแนะนำต่อไป ผมขอเอาเรื่องของลุงคนหนึ่งมาเล่าให้ฟังเป็นข้อคิดในการตัดสินใจ
      ผมได้คุยกับลุงคนหนึ่งอายุประมาณเกือบ ๘๐ ปี ภรรยาของลุงเสียไปนานแล้ว แต่ลุงก็ยังมีความต้องการทางเพศอยู่ ลุงแกก็ไปใช้บริการของนักศึกษาบ้าง คนข้างบ้านบ้าง ลูกใครเมียใครก็ไม่สนใจถ้าผู้หญิงมาให้ท่าแล้วละก็จัดการหมด ถ้าหาไม่ได้ก็ซื้อบริการเอา ตอนนั้นผมก็คุยธรรมกับผู้ใหญ่ท่านหนึ่งอยู่ ลุงแกสนใจก็มาถามผมว่าที่แกทำไปนั้นผิดมั้ย ผมบอกไปว่าผิด นรกเตรียมต้อนรับลุงอยู่นะ ลุงว่า..และที่ผมเคยทำบุญไปละ ผมก็บอกว่าบุญส่วนบุญบาปส่วนบาป อยู่ที่ว่าวาระจิตสุดท้ายคิดอะไรอยู่ คิดถึงบุญก็ไปสวรรค์คิดถึงบาปก็ไปนรก ถ้าลุงคิดแต่เรื่องอย่างว่ากับผู้หญิงอาจจะไปเป็นสัตว์เดรัจฉานก่อนก็ได้
     แหม! ถ้าผมตายไปตอนนี้ก็ดีนะซี ผมก็ไปอยู่ข้างบนมีเมียๆรอผมอยู่เป็นพันคน สุขบรมสุขอย่าบอกใคร ผมก็ทำบุญทำทานรักษาศีล เรื่องบุญก็ทำมาหลายอย่าง มากบ้างน้อยบ้างยังไงก็เต็มใจทำ อยู่ข้างบนย่อมดีกว่าอยู่ข้างล่างแน่นอน ถ้าลุงอยากไปก็เร่งทำบุญให้เยอะๆ เรื่องผู้หญิงก็เพลาๆลงบ้างทำให้มันถูก ก่อนตายก็อย่างที่บอกจิตสุดท้ายให้คิดแต่เรื่องบุญ ตอนที่ลุงทำบุญก็ชวนคนอื่นเขาทำด้วยจะได้มีบริวารเยอะ อย่างลุงนี่เมียพันคนคงไม่พอนะ ไปหามาเพิ่มให้มากๆไปทำบุญและชวนคนอื่นด้วย  เมียเราเขาเรียกว่าเทพธิดา ส่วนนางฟ้าก็เป็นผู้รับใช้ต่างๆนางสนมก็ใช่ อย่างนี้ก็เหมือนเมียน้อย แต่เมียน้อยอย่างนี้ไม่ผิดศีล และยังมีนางอัปสรอีก เป็นนางฟ้าบริการหรือเป็นนางฟ้าส่วนกลาง เทพบุตรองค์ไหนจะเรียกไปหลับนอนก็ได้ นางอัปสรมีบุญที่ได้ขึ้นสวรรค์แต่มีกรรมที่ไม่มีสังกัดคือไม่มีเทพบุตรหรือสามีเป็นของตัวเอง พอพูดอย่างนี้ลุงแกยิ่งสนใจใหญ่ ผมก็พูดต่อไปว่า แต่สวรรค์ก็มีกำหนดเวลานะแต่ละชั้นก็ไม่เท่ากัน บางชั้นเวลา ๑ วัน สวรรค์เท่ากับ ๑ ปีโลกมนุษย์ ๑ วันเท่ากับ ๑๐๐ ปี (เข้าไปดูเรื่องสัคคกถา)
     ถ้าอยู่บนสวรรค์แล้วมัวแต่บริโภคกามอย่างเดียว ไม่กินข้าวกินปลา(อาหารทิพย์) ก็ตกสวรรค์ก่อนเวลาอันควรได้นะ เหมือนโลกมนุษย์ที่คนตายก่อนเวลาอันควร พวกตายโหง ตายจากอุบัติเหตุ หรือถูกยิงตาย เขาเรียกว่ากรรมมาตัดรอน ถ้าเทพบุตรต้องมาตกสวรรค์เพราะบริโภคกามโดยไม่หยุดพักทานอาหารบ้าง ก็มาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน มาเป็นหมา(สุนัข)ตัวเมีย เป็นหมาบริการให้กับหมาตัวผู้ทุกตัว คือหมาตัวผู้ตัวไหนอยากได้ก็ต้องยอมหมาตัวนั้น นานวันเข้าก็เป็นหมาขี้เรื้อนที่ไม่มีหมาตัวผู้ที่ไหนสนใจ พอพูดถึงตรงนี้ ลุงแกหัวเราะชอบใจใหญ่ ทิดนี่เล่าสนุกนะมองเห็นภาพเลย และตอนที่แกจะลุกออกไป แกยังหันหาพูดว่า หมาขี้เรื้อนแล้วก็หัวเราะด้วย ปกติเรื่องธรรมลุงแกจะไม่ค่อยเชื่อหรือฟังใครเพราะแกเป็นลูกศิษย์วัดมาตั้งแต่เด็กๆ แต่แกก็ยอมที่จะฟังผมและมาถามผมบ่อยๆ  ตอนนั้นคุยแบบสบายๆไม่ซีเรียส แต่พอพูดถึงผลกรรมและอานิสงส์ต่างๆว่าจะได้เป็นอะไรบ้างก็จะหัวเราะชอบใจ  พูดเหมือนเล่นแต่เป็นจริงทุกประการ คนฟังก็ไม่ค่อยเบื่อ ลองเอาเรื่องนี้ไปพิจารณาด้วยจะช่วยในการปฏิบัติได้มาก

      การปฏิบัติในเบื้องต้น  ห้ามนึกถึงความสุขที่เคยได้รับจากคู่ของตัวเอง เพราะยิ่งคิดยิ่งทุกข์ คนส่วนใหญ่เมื่อผิดหวังในความรักแล้ว มักจะคิดถึงความสุขเก่าๆที่คู่ของตัวเองเคยปรนเปรอให้ โดยเฉพาะบทพิศวาสบทรักบนเตียง ถ้าคิดอย่างนี้ก็เท่ากับเราไปยึดมั่นถือมั่นว่าเขาต้องเป็นของเราคนเดียวเขาต้องทำให้เราไม่ใช่ไปทำให้คนอื่น เลยกลายเป็นหลงตรงนี้ไป ถ้ามีความคิดตรงนี้เกิดขึ้นให้คิดเสียว่ามันไม่เที่ยง ถ้ามันเที่ยงเขาต้องอยู่กับเราคนเดียว พยายามคิดอย่างนี้ทุกครั้ง เพื่อจะหยุดความรักความเสน่หาอาลัยอาวรณ์ก่อน เมื่อก่อนที่ยังไม่มีปัญหาความรักคือความรักหวานชื่น คนส่วนใหญ่ก็จะคิดถึงความสุขที่ได้รับจากคนรักโดยเฉพาะบทรักบทพิศวาสที่อยากให้คนรักทำให้อีก รอว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลานั้นสักที พอไม่ได้ก็หงุดหงิด บางคู่ห่างเหินไม่มีการร่วมรักกันหลายวัน บางคนเป็นเดือน เลยทำให้สงสัยในพฤติกรรมของฝ่ายตรงข้ามว่านอกใจไปมีคนอื่นหรือเปล่า หรือเวลาร่วมรักกันก็เป็นไปแบบนั้นๆเหมือนเป็นหน้าที่มากกว่าความรัก เมื่อคนรักไม่ได้เสนอและสนองความต้องการให้เราก็คิดมากไปต่างๆนานา เมื่อความรักไม่สมหวังปัญหาก็เกิดขึ้นแล้วไม่รู้จะแก้ไขยังไงซึ้งทั้งหมดนั้นไม่ควรคิดเป็นอย่างมากปล่อยวางก่อน
     ต่อไปก็ให้พิจารณาดังนี้ เมื่อก่อนไม่มีเขาเราก็อยู่ได้ เมื่อก่อนไม่มีเขาเราก็ไม่ตาย ตอนนี้ไม่มีเขาเราก็สบาย หรือจะใช้เป็นการภาวนาว่า ขาดเขาเราอยู่ได้ ขาดเขาเราไม่ตาย ขาดเขาเราสบาย ขณะนั้นไม่จำเป็นต้อง พุทโธ พุทโธ ใช้คำภาวนาอย่างที่บอกเพื่อให้มองเห็นว่า เขาไม่สามารถมีอิทธิพลต่อจิตใจของเราได้ ไม่มีเขาเราก็อยู่ของเราได้ ถ้าเขาตายหรือตกนรกเขาก็ไปของเขาคนเดียว เราจะไปกับเขาทำไม เมื่อคนเราเกิดมานับชาติไม่ถ้วน ย่อมเคยเกิดเป็นทั้งผู้หญิง ผู้ชาย แม้แต่กะเทย แต่ละภพชาติที่ผ่านมาไม่รู้ว่าคนที่เคยเป็นสามี ภรรยา เมื่อชาติก่อนนี้ตายแล้วไปเป็นอะไรอยู่ที่ไหนกันบ้าง ถ้าเราอาลัยอาวรณ์ต่อคนรักเก่าของเรา ก็คงไปตามหาทั้งในนรกและบนสวรรค์ถ้าเจอกันแล้วจะจำกันได้หรือเปล่า(ไปอ่านรายละเอียดเพิ่มในศีลข้อกาเม และเรื่องของนางอุพพรี) อ่านเรื่องพระเจ้า ๕๐๐ ชาติ และคิดตามจะรู้ว่าคนเราที่เกิดมานับชาติไม่ถ้วนนั้นเคยเกิดเป็นอะไรบ้างต้องเจอวิบากกรรมมากน้อยแค่ไหน แม้พระโพธิสัตว์ก็ยังไม่พ้นนรกเลย
     คำภาวนาที่ว่าขาดเขาเราสบาย ก็ต้องคิดว่าเราสบายจริงๆ คือเขาไม่มาสร้างความเดือดร้อนให้เรา ไม่ด่าทอ ไม่ชกต่อยทุบตี ไม่มาผลาญเงินของเรา ไม่เมาเหล้าอาละวาดอย่างที่เคยทำ ฯลฯ ทุกเรื่องที่ทำให้เราทุกข์ใจ(ห้ามคิดถึงเรื่องเซ็กส์เด็ดขาด) พอสมาธิจิตเริ่มดีขึ้น ก็ให้พิจารณาอสุภกรรมฐาน ร่างกายของเขามีแต่สิ่งเน่าเหม็นน่ารังเกียจ ถ้าไม่อาบน้ำแปรงฟันแค่วันเดียวก็กอดจูบไม่ลงแล้ว ปากเหม็นเน่าเหมือนซากขยะกลิ่นตัวแรง ถ้าทานเหล้าด้วยแล้วเหม็นเป็นที่สุดควบคุมตัวเองไม่ได้ คนอย่างนี้เราจะไปดูแลเขาทำไมตายไปก็ไม่พ้นนรกเกิดมาเป็นมนุษย์อีกก็ไม่มีปัญญา บางทีสติเลอะเลือน ต่อไปร่างกายเริ่มเหี่ยวย่นหย่อนยาน ที่สุดก็ตายจากเราไป น้ำเหลืองน้ำหนองเริ่มไหลมีหนอนชอนไชอย่างนี้จะกอดจูบเขาลงมั้ย เวลาเอาไปเผาก็เหลือแต่เถ้าธุลี ไม่มีความดีอะไรที่จะให้เราอาลัยอาวรณ์ ตายแล้วก็จบกันต่างคนต่างไปตามวิบากกรรมของแต่ละคน
     ตอนนี้เราไม่รู้ว่าจะเกิดตายอีกกี่ชาติ ถ้ายังไม่บรรลุธรรมก็หาที่สุดของภพชาติไม่ได้ เวียนว่ายตายเกิดอย่างนี้อยู่เรื่อยไป เวลานี้เราเกิดในแดนพระพุทธศาสนาแล้วเราต้องเร่งสร้างบุญปฏิบัติภาวนาให้มาก หรืออย่างน้อยถ้าตายไปในเวลานี้ก็ขอให้ไปเกิดบนสวรรค์เจอเทพบุตรสุดที่รักของเรา หรือไปเจอเทพธิดานางฟ้าที่สวยน้อยที่สุดก็ยังสวยกว่านางงามจักรวาล คิดอย่างนี้ดีกว่าไปจมกับความรักที่มีแต่ทุกข์ ทำไมจะต้องไปยึดติดกับคนอย่างนั้นด้วย อยู่บนสวรรค์ยังได้ฟังธรรมกับพระอินทร์ที่ในเวลานี้ท่านเป็นพระโสดาบันบุคคลแล้ว หรือฟังธรรมกับพระศรีอารย์(พระศรีอารย์อยู่สวรรค์ชั้นดุสิต เสวยบุญได้ประมาณ ๗ วันสวรรค์) ทั้ง ๒ ท่านสับเปลี่ยนเวียนมาบรรยายธรรมตามโอกาส อย่างนี้ทำให้เราได้ฟังธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งและมีโอกาสบรรลุธรรมตามพระอินทร์ท่านด้วย ว่าแล้วก็พิจารณาต่อไปตามที่บอกพิจารณาให้มากทำให้บ่อย เพื่อให้จิตยอมรับสภาพกรรมที่เราทำไว้แต่ไม่ยึดติดเพราะมันเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ รู้แล้วก็ละวางจะได้ไม่ทุกข์อีกต่อไป ทำซ้ำๆเพื่อให้เกิดความชำนาญ พอมีทุกข์อะไรมากระทบก็จะเข้าใจและละวางได้ไม่ยึดติดกับทุกข์นั้นๆ ทำได้ถึงตรงนี้ก็ต่อไปก็พัฒนาให้ละเอียดขึ้น
       ความจริงที่ทำให้คนที่ผิดหวังจากความรักแล้วมีแต่ความทุกข์ก็คือความหลง หลง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และอารมณ์ ที่ทางพระเรียกว่าอายตนะ ๖  เรื่องรูป รส กลิ่น เสียง เป็นของธรรมดาที่ต้องประสบเจออยู่ตลอดเวลา  แต่พอได้มีการสัมผัส กอด จูบ ลูบคลำแล้ว ก็เกิดความหลง คือหลงในอารมณ์ รัก พิศวาส อารมณ์จุดสุดยอด เพราะเหตุเกิดตรงนี้ก็ต้องดับตรงนี้ ผมไม่ได้พูดอย่างที่พระท่านสอนกันว่า สัมผัส ร้อน หนาว เย็น อุ่น นุ่มแข็ง พูดกันตรงๆเลย เพราะพระบางท่านที่สอนท่านไม่เคยมีครอบครัวมาก่อนท่านอาจจะอธิบายไม่จะแจ้ง
      ความโลภ ความโกรธ และความหลง ตัวหลงนี้ตัดอยากที่สุดจึงอยู่ในอันดับสุดท้าย เพราะแม้แต่พระโสดาบันก็ยังหลงกลับมาเกิดอีกอย่างมาก ๗ ชาติ อย่างกลาง ๓ ชาติ อย่างน้อย ๑ ชาติ(พระโสดาบันที่มีความละเอียดของจิตไม่เท่ากันแบ่งเป็น ๓ ระดับ) พระสกิทาคามีหลงมาเกิดอีก ๑ ชาติ พระอนาคามีไม่มาเกิดอีกแล้วแต่จะไปสำเร็จอรหันต์บนพรหมโลก
     คนที่ประสบปัญหาความรัก ธุรกิจล้มเหลวขาดทุน ถูกโกง ฯลฯ จนเกิดความทุกข์แสนสาหัส ผมคิดว่าคนเหล่านี้มีโอกาส มีโอกาสอย่างไร ก็โอกาสที่จะเข้าถึงธรรมได้ละเอียดขึ้นจนอาจจะบรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่งก็เป็นไปได้ แต่เขาจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสหรือเปล่า ถ้าเขาเหล่านี้ยังเสพสุขสบายอยู่เขาจะมองเห็นความทุกข์ที่แท้จริงหรือไม่ อย่างดีก็เข้าวัดทำบุญสร้างโน่นสร้างนี่ เพื่อคิดว่าถ้ามาเกิดอีกจะได้ไม่ลำบาก คนที่ประสบความทุกข์แสนสาหัสกำลังเจอบททดสอบว่าคุณจะเข้าใจหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอนหรือไม่ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนเรื่องความสุขแต่เรื่องความทุกข์ อีกอย่างคนเรามักหนีความจริงและเป็นขี้แพ้ แพ้มาตลอดทุกภพทุกชาติ พอเกิดทุกข์ตรงนี้ก็ไปหาความสุขตรงนั้น อย่างเช่น พอเรานั่งปฏิบัติกรรมฐานอยู่ตรงนี้สักพักก็ปวดเมื่อยแล้ว พอปวดมากๆก็เปลี่ยนอิริยาบถ ยื่น เดิน นอน บ้าง คือยังไม่ได้ทันพิจารณาเลยว่าที่ปวดนั้นจริงหรือไม่ เวลานั่งใหม่ๆทำไมไม่ปวดแล้วขณะนี้ทำไมถึงปวด ปวดเพราะอะไร
     นั่งให้เห็นความทุกข์ ไม่จำเป็นต้องนั่งนาน ๑-๒ ชั่วโมง กำลังดี เพราะนั่งนานไปก็จะเป็นติดสุข  และการเปลี่ยนอิริยาบถก็เปลี่ยนได้แต่ไม่ใช่ตลอดเวลา ไม่ใช่พึ่งนั่งก็คันโน้นเกานี่ขยุกขยิกตลอดเวลา เหมือนลิงที่ไม่อยู่สุข(วิธีนั่งปฏิบัติจะอยู่ในท้ายเรื่อง) สำหรับเวลานี้ให้เข้าใจตรงนี้ก่อน เพื่อตัดตัวทุกข์ที่มันกินใจอยู่ในเวลานี้ให้ได้ ถึงเวลานั้นเราอาจจะขอบใจคนที่ทำให้เราทุกข์ว่าเป็นครูของเรา เพราะถ้าไม่มีเขาเราก็จะไม่มีโอกาสพบธรรมละเอียดลึกซึ้งได้ ค่อยๆศึกษาไปแล้วแต่วาสนาบารมีของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน บางคนปฏิบัติธรรมเป็น ๑๐ ปียังไม่ก้าวหน้าก็มีเยอะไป บางคนปฏิบัติไม่นานอาจจะก้าวหน้ากว่า อยู่ที่ปัจจัยหลายอย่างพิจารณาเอาเองนะ บทความนี้เขียนขึ้นใหม่จากที่ตั้งใจไว้ เพราะได้พูดคุยกับคนที่มีปัญหาอย่างนี้และอยากได้วิธีปฏิบัติ อ่านแล้วเข้าใจก็ดี ถ้าไม่เข้าใจก็ต้องอาศัยการมานั่งปฏิบัติจริงทำจริง บางคนชอบให้บังคับหรือสั่งถึงจะทำได้ต้องมีการเคี่ยวเข็ญ อย่างเวลานั่งปฏิบัติธรรมคนเดียวที่บ้านจะนั่งได้ไม่นานแต่พอมีหลายคนเป็นกลุ่มเป็นขณะมักจะทำได้ดี
     สุภาษิตจีนว่า ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา...  ตอนนี้ทุกข์เข้ามาแล้วก็ต้องพิจารณา ทุกข์อยู่ตรงไหน ทุกข์เพราะอะไร ทำไมถึงทุกข์ จะดับทุกข์ยังไง
      ทุกข์อยู่ที่ใจ  ทุกข์เพราะไปยึดติดเขา ทุกข์เพราะมันไม่เที่ยง บังคับเขาไม่ได้ จะดับทุกข์ก็ดับที่ใจเพราะใจไปยึดติด ยึดติดอะไร รูป รสกลิ่น เสียง สัมผัส อารมณ์ ทั้งหมดอยู่ในบทความข้างต้นแล้ว
       *เพิ่มเติมข้อมูล
       ถ้าเราปฏิบัติดีศีลบริสุทธิ์ขึ้นและคนรักของเราทำแต่บาปผิดศีลหลายข้ออะไรจะเกิดขึ้น  เราเย็นเขาร้อนจะอยู่ด้วยกันไม่ได้สักวันเขาจะแพ้ภัยตัวเองและจากเราไปแต่โดยดี แม้ตายจากกันเขาตกนรกเราไปสวรรค์ แต่ที่คนดีๆเจอวิบากกรรมไม่ดี เจอแต่คนเอาเปรียบไม่รักจริงหลอกลวง  เพราะอดีตชาติสร้างกรรมไม่ดีเอาไว้นั่นเอง ฉะนั้นเมื่อเรารู้อย่างนี้แล้วปัจจุบันชาติก็สร้างแต่กรรมดี ชาติต่อๆไปจะได้เจอแต่สิ่งดีๆ ไม่เจออย่างชาตินี้อีก เกิดชาติใดก็พบพระพุทธศาสนามีโอกาสได้ฟังธรรม  ไม่ช้านานก็อาจจะบรรลุธรรมได้ อย่าลังเลหรือสงสัยอีกต่อไปเลย โอกาสไม่ได้มีให้บ่อยนัก
       หย่าร้าง

ไม่มีความคิดเห็น: