วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บทที่ ๑๒ นรกขุมต่างๆ

สวรรค์มี นรกมี นิพพานก็มี แต่ก่อนที่จะไปนิพพานก็ต้องศึกษาบทความทั้งหมดให้เข้าใจว่า เราจะไปนิพพานได้หรือไม่และทำอย่างไร เวลานี้มาดูนรกขุมต่างๆว่ามีอะไรบ้างทำกรรมอะไรถึงมาตกนรกขุมเหล่านี้

นรกใหญ่  ๘ ขุม

๑.  สัญชีวนรก  เหล่าสัตว์ที่มาบังเกิดในนรกขุมนี้  ย่อมถูกเพลิงเผา  ถูกหั่น  ถูกเชือดเฉือนได้รับทุกข์เวทนาสาหัสจนขาดใจตาย  แล้วก็กลับมีชีวิตขึ้นมารับโทษต่อไปอีก  ตายเป็น ตายเป็นอยู่อย่างนี้จนสิ้นกรรม  นรกขุมนี้มีอายุ ๕๐๐ ปีนรก  หนึ่งวันหนึ่งคืน  ในนรกขุมนี้  เทียบได้เก้าล้านปีในเมืองมนุษย์  บุพกรรมของสัตว์ที่เกิดในนรกขุมนี้  เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ได้ฆ่าสัตย์ตัดชีวิต  ปล้นฆ่า  ลักทรัพย์  แย่งชิงที่ดิน
๒.  กาฬสุตตนรก  เหล่าสัตว์ที่มาบังเกิดในนรกขุมนี้  ถูกเลื่อย  ถูกฟัน  ตามร่างกาย  นรกขุมนี้มีอายุ  ๑๐๐๐  ปีนรก  หนึ่งวันหนึ่งคืนในนรกขุมนี้เทียบได้สามสิบหกล้านปีในเมืองมนุษย์  บุพกรรมของสัตว์นรกในขุมนี้  ครั้งเมื่อเป็นมนุษย์  ยุยงให้ผู้อื่นแตกร้าว  บาปตัดมือเท้า  ตัดหูตัดจมูกผู้อื่น  ด่าว่าผู้มีศีล  ขูดรีดดอกเบี้ย  ดื่มสุรายาเมา  เป็นพระทุศีล
๓.  สังฆาตนรก  ผู้ที่มาเกิดในนรกขุมนี้จะถูกภูเขาเหล็กแดงบดขยี้  นรกขุมนี้มีอายุ  ๒,๐๐๐ ปี  หนึ่งวันหนึ่งคืนในนรกขุมนี้เทียบได้  หนึ่งร้อยสี่สิบห้าล้านปีในเมืองมนุษย์  เวลาเป็นมนุษย์ชอบโบยตีทิ่มแทงสัตว์ที่ใช้เป็นพาหนะเทียมแอกไถ  เผาสัตว์ทั้งเป็นบ้าง  โขลกสัตว์ทั้งเป็นด้วยครกบ้างโยนสัตว์เป็นๆลงในทรายหรือขี้เถ้าร้อนๆ
๔.  โรรุวะนรก  นรกขุมนี้มีเสียงสัตว์นรกร้องไห้ครวญครางตลอดเวลา  นรกเหล่านี้เต็มไปด้วยเหล็กแดงลุกเป็นแสงเพลิงอยู่เป็นนิจ  ร่างกายของสัตว์นรกทั้งหลายจมลงไปในดอกบัวเหล็ก  ถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ร้องไห้ดิ้นรน  เพราะครั้งที่เป็นมนุษย์ทำความเดือดร้อนแก่กายและใจผู้อื่น  ตัดสินคดีไม่ยุติธรรม  บางคนบุกรุกที่ผู้อื่น  บางคนคบชู้แล้วฆ่าคู่ครองของชู้  บางคนฉ้อโกง  บางคนเบียดบังทรัพย์สมบัติที่เขาอุทิศถวายให้พระสงฆ์มาเป็นของตน  นรกขุมนี้มีอายุ ๔,๐๐๐ ปีนรก  หนึ่งวันหนึ่งคืนในนรกขุมนี้เท่ากับห้าร้อยเจ็ดสิบหกล้านปีในเมืองมนุษย์
๕. มหาโรรุวนรก  นรกขุมนี้ร้องไห้ครวญครางยิ่งกว่าโรรุวะนรก  มีกลุ่มควันอันแสนแสบพุ่งเข้าทวารทั้งเก้า   ทำให้เร้าร้อนเจ็บแสบแสนสาหัส  บุพกรรมของสัตว์นรกในขุมนี้  เพราะครั้งที่เป็นมนุษย์ได้ทำโจรกรรม  ปล้นขโมย  ของสงฆ์  ของพ่อแม่  ของผู้มีพระคุณ นรกขุมนี้มีอายุ ๘,๐๐๐ ปีนรก หนึ่งวันหนึ่งคืนในนรกขุมนี้เท่ากับ  สองพันสามร้อยสี่ล้านปีในเมืองมนุษย์
๖.  ตาปนรก  นรกขุมนี้เต็มไปด้วยหลาวเหล็กลุกเป็นไฟ  มีขนาดใหญ่เท่าลำตาลที่มีนายนิรยบาลจับสัตว์นรกไปเสียบไว้  ได้รับความทรมานดิ้นรนจนตาย  แล้วถูกต้อนไปให้สุนัขที่ใหญ่เท่าช้าง  มีฟันเป็นเหล็กแดงวิ่งเข้ากัดกินจนเหลือแต่กระดูก  มนุษย์ที่เผาทำลายป่า  ฆ่าสัตว์ให้ตายเป็นจำนวนมาก  ตายแล้วมาเกิดในนรกขุมนี้  นรกขุมนี้มีอายุ ๑๖,๐๐๐ ปีนรก  หนึ่งวันหนึ่งคืนในนรกขุมนี้เท่ากับเก้าพันสองร้อยสามสิบหกล้านปีในเมืองมนุษย์
๗.  มหาตาปนรก  นรกที่เต็มไปด้วยภูเขาเหล็กไฟ  ที่พวกนายนิรยบาลไล่ต้อนสัตว์นรกทั้งหลายให้ขึ้นไปบนภูเขาเหล็กไฟ  แล้วมีพายุใหญ่มาพัดพาให้ตกลงมา  ถูกไฟนรกเผาให้ทนทุกขเวทนาจนกว่าจะสิ้นบาปกรรม  นรกขุมนี้ยืนยาวมากจะนับวันนับปีไม่ได้  นับเป็นกัปได้กึ่งกัป  สัตว์นรกในขุมนี้  ครั้งเมื่อเป็นมนุษย์ย่อมประกาศความเห็นผิดของตนว่า  บาปบุญไม่มีเป็นพวกมิจฉาทิฐิ  ตายแล้วสูญทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนจากการกระทำของตนฯ 
๘.  อเวจีนรก  นรกที่ไม่ว่างคือไม่ว่างจากเปลวไฟ  ไม่ว่างจากสัตว์นรก  ไม่ว่างจากความทุกข์   นรกขุมนี้ยัดเยียดไปด้วยสัตว์นรกหาช่องว่างแทบไม่ได้  นรกขุมนี้มีหลาวเหล็กใหญ่เสียบแทงสัตว์นรกไว้  ทั้งมีเปลวไฟพลุ่งออกมาจากกำแพงเหล็กทั้ง ๔ ทิศ  และพลุ่งขึ้นมาจากทิศเบื้องต่ำ  ลงมาจากทิศเบื้องบน  เผาสัตว์นรกอยู่ตลอดเป็นนิจ  บาปกรรมที่ทำอยู่เป็นนิจขณะที่เป็นมนุษย์  ได้แก่  ฆ่าสัตว์  ลักทรัพย์  ประพฤติผิดในกาม  พูดเท็จ  ดื่มสุราเสพยาเสพติดอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นประจำ  ตีบ้านชิงเมืองเขา  ทำลายผู้มีศีล  กระทำอนันตริยกรรม นรกขุมนี้มีอายุนานกัปหนึ่ง
สงสาร
ดูกรภิกษุทั้งหลาย  กัปหนึ่งนานแล้ว  มิใช่ง่ายที่จะนับว่าเท่านี้ ปี ร้อยปี   พันปีหรือแสนปี  เหมือนอย่างว่าภูเขาหินลูกใหญ่  ยาวโยชน์หนึ่ง  กว้างโยชน์หนึ่ง  สูงโยชน์หนึ่ง   ไม่มีช่อง  ไม่มีโพรง  เป็นแท่งทึบ  บุรุษเอาผ้าแคว้นกาสีแล้วปัดภูเขานั้น ๑๐๐ ปี  ต่อครั้ง  ภูเขาหินลูกใหญ่นั้นถึงกาลหมดไป  สิ้นไปเพราะความพยายามนี้ยังเร็วกว่าแล  พวกเธอท่องเที่ยวไปแล้วสิ้นไปแล้วมิใช่หนึ่งกัป  ร้อยกัป  หรือแสนกัป  ข้อนั้นเพราะเหตุไร  เพราะสงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องบนเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ  ดูกรภิกษุทั้งหลาย  ก็เหตุเพียงเท่านี้  พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง  พอเพื่อจะคลายกำหนัด  พอที่จะหลุดพ้น(บัพพตูสูตร ๒-๙๙)
สิ่งที่ผมบอกอยู่เสมอคือ คนเราเกิดมานับชาติไม่ถ้วน ไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ หาที่สุดของภพชาติไม่ได้ คือไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะสิ้นสุดไม่มาเกิดอีก ซึ่งชาวพุทธส่วนใหญ่จะรู้ดีว่าต้องไปนิพพาน สงสารหรือสังสารวัฏที่ยืดยาว ทุกคนเคยเกิดเคยเป็นเคยมีมาแล้วทุกอย่าง แต่ก็ยังไม่พ้นสงสารนี้ไปได้ ก็ติดตามอ่านบทความต่อไปว่าผมมีวิธีอะไรจะมาช่วยให้ผู้อ่านได้บ้าง ตอนนี้มาดูเรื่องของนรกเพิ่มเติม เพราะเป็นการเตือนสติเตือนใจมิให้กระทำชั่ว
            นรกเล็ก ๔ ขุม
            ๑.  คูถนรก  นรกที่เต็มไปด้วยมูตคูถ  อุจจาระ  ปัสสาวะ  มีกลิ่นเหม็นเต็มไปด้วยหนอนตัวใหญ่  ปากแหลมคมดุจเข็ม  คอยกัดกินหนังและเนื้อตลอดตับไตไส้พุง  บาปกรรมที่ทำไว้  คือความตระหนี่ลาภผล  เบียดบังลาภผลของพระสงฆ์บ้าง  ของคนอื่นบ้าง  ลงโทษผู้อื่นที่ไม่มีความผิดบ้างฯ
            ๒.  กุกกุลนรก  นรกที่เต็มไปด้วยเถ้าร้อน  เมื่อสัตว์นรกพ้นจากคูถนรกออกไปได้และเห็นนรกนี้เข้าใจว่าเป็นหาดทราย  ก็พากันวิ่งเข้าไป  พอเข้าไปถึงจึงรู้ว่าเป็นเถ้าอันร้อน  ต่างพากันดิ้นทุรนทุราย  บาปกรรมที่ทำไว้  คือจับสัตว์เป็นๆโยนเข้าไปในกองเพลิงบ้าง  เป็นคนทุศีลบริโภคปัจจัย ๔ ของชาวบ้านบ้าง  ตระหนี่ธรรมไม่ต้องการบอกผู้อื่น  เพราะกลัวผู้อื่นจะรู้ดีกว่าตน  แย่งชิงลาภของผู้อื่นมาเป็นของตนฯ
            ๓.  อสิปัตตะนรก  นรกที่เต็มไปด้วยใบดาบ  เมื่อสัตว์นรกทั้งหลายพ้นจากนรกเถ้าร้อนแล้ว  แลเห็นว่าเป็นสวนมะม่วง  จึงพากันวิ่งไปภายในนรกนี้  แล้วก็มีลมพัดให้ใบไม้เหล่านั้นล่วงลงมา  ใบไม้นั้นก็กลายเป็นดาบฟันถูกสัตว์นรกเหล่านั้น  บาปกรรมที่ทำไว้  คือ ฆ่าฟันกันเองฯ
            ๔.  เวตรณีนรก  นรกที่เต็มไปด้วยน้ำเค็ม  ขอบปากนรกเต็มไปด้วยขวากหนาม  สัตว์นรกที่ออกมาจากอสิปัตตะนรก  จะเห็นว่ามีสระใหญ่ก็ดีใจจะได้อาบกินให้สบายใจ  เมื่อไปจวนถึงก็ถูกขวากหนามปักเท้าล้มระเนระนาด  เมื่อลุกขึ้นได้ก็พากันวิ่งหนีกลับไป  พวกนายนิรยบาลก็ไล่ต้อนทุบตีไปด้วยค้อนเหล็กอันใหญ่  เมื่อทนไม่ได้ก็วิ่งต่อไปจนถึงนรกแห่งนี้  ตกลงไปในน้ำเค็มให้รู้สึกเจ็บปวดแสบยิ่งนัก  ถ้าลอยขึ้นมาก็ถูกกลอกด้วยก้อนเหล็กแดงบ้าง  น้ำทองแดงบ้าง  บาปกรรมที่ทำไว้  คือ  หลอกลวงเขาบ้าง  ฆ่าสัตว์ด้วยการโยนสัตว์เป็นๆลงในน้ำเดือดบ้าง  ดื่มสุราเมรัยบ้าง
            นรกชั้นนอกทั้ง ๑๐ ขุม
            ๑.  โลหกุมภีนรก  นรกที่มีหม้อเหล็กอันใหญ่เต็มไปด้วยน้ำเหล็กทองแดงเดือดพล่านลุกเป็นเปลว  จากปากหม้อนรกลงไปถึงก้นหม้อนรกลึก ๓ หมื่นโยชน์  สัตว์นรกทั้งหลายถูกนายนิรยบาลโยนลงในหม้อนั้น  มีอาการเหมือนข้าวสารในหม้ออันเดือดพล่าน  และจมลงไปจนถึงพื้น  เมื่อถึงพื้นแล้วก็พุ่งขึ้นมาอีกจนถึงปากหม้อ  บาปกรรมที่ทำไว้  คือ  ด่าว่าทุบตีสมณพราหมณ์ผู้มีศีล  ทำผิดศีลกาเมสุมิจฉาจาร
            ๒.  สิมพลีนรก (ฉิมพลีนรก) นรกที่มีต้นงิ้ว  มีหนามยาว  ๑๖ องคุลี  สัตว์นรกทั้งหลาย  ถูกนายนิรยบาลใช้หอกทิ่มแทงให้เจ็บปวดแสนสาหัส  ทนไม่ได้ก็ถอยกลับลงมา  หนามงิ้วอีกส่วนก็งอขึ้นมา  ทั้งพวกนายนิรยบาลก็ช่วยกันเอาหอกทิ่มแทงขึ้นไป  ก็มีแร้งปากเหล็กตัวใหญ่เท่าช้างบินมาจิกศีรษะ  ทนไม่ไหวตะเกียกตะกาย ลงมาก็จะเจอหนามงิ้วที่งอขึ้น  เมื่อลงมาถึงพื้นดินก็ถูกสุนัขตัวเท่าช้างไล่กัดกินอีก  บาปกรรมที่ทำไว้คือ  ผิดศีลข้อกาเมสุมิจฉาจาร  ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น  หญิงนอกใจสามีฯ
            ๓.  อโยทกนรก  นรกที่เต็มไปด้วยน้ำทองแดงที่เดือดพล่าน  สัตว์นรกทั้งหลายถูกโยนลงไปในน้ำทองแดง  แล้วนายนิรยบาลจะใช้ขอเหล็กเกี่ยวปากลากไปมาจนกว่าจะสิ้นบาปกรรม  กรรมที่ทำไว้คือ  การจับสัตว์เป็นๆ โยนลงในน้ำที่กำลังเดือดพล่านๆ 
            ๔.  ภูสนรก  นรกที่เต็มไปด้วยน้ำใสเย็น  แต่พอพวกสัตว์นรกกินเข้าไปก็กลับกลายเป็นแกลบลุกเป็นไฟเผาไหม้ตับไตไส้พุง  เป็นอย่างนี้จนกว่าจะสิ้นบาปกรรม  บาปกรรมที่ทำไว้คือ  เอาข้าวลีบปนข้าวดีขายฯ
            ๕.  สุนักขะนรก  นรกที่มีแต่สุนัขรูปร่างสีสันต่างๆ  ขนาดตัวใหญ่เท่าช้าง  มีฟันเป็นเหล็กแดงแหลมคมยิ่งนัก  สำหรับไล่กัดสัตว์นรกจนตาย  ก็จะมีแร้งกาและนกตะกรุมมากัดกินเป็นอาหาร  บาปกรรมที่ทำไว้คือ  มีความตระหนี่ไม่ให้ทานด้วยตนเอง  และห้ามมิให้ผู้อื่นให้ทานด้วย
            ๖.  ปิงสกปัตนรก  นรกที่มีภูเขาใหญ่ล้วนเป็นเหล็กลุกเป็นเปลวเพลิง  สำหรับบดสัตว์นรก  บาปกรรมที่ทำไว้คือ  การฆ่าสัตว์ด้วยการใช้วัตถุอย่างใดอย่างหนึ่งบดขยี้  และการประพฤตินอกใจสามีฯ
            ๗.  ตัมโพทกนรก  นรกที่เต็มไปด้วยน้ำทองแดงเดือดพล่าน  ที่พวกนายนิรยบาลคอยตักกลอกปากพวกสัตว์นรก  บาปกรรมที่ทำไว้คือ  การหลอกลวงผู้อื่นให้เสียทรัพย์สินเงินทอง  หาอุบายตัดรายได้ของผู้อื่นซึ่งควรจะได้มากให้ได้น้อยฯ
            ๘.  อโยคุณนรก  นรกที่เต็มไปด้วยก้อนเหล็กแดง  ที่พวกนายนิรยบาลจับสัตว์นรกมัดไว้  แล้วเอาคีมเหล็กงัดปากกลอกก้อนเหล็กแดงเข้าไปในปาก  บาปกรรมที่ทำไว้  คือการปล้นทรัพย์  ลักโค  กระบือต่างๆ 
            ๙.  อสินขนรก  พวกสัตว์นรกในขุมนี้จะมีเล็บมือเล็บเท้าเป็นหอกดาบคอยทิ่มแทงกันเอง  บาปกรรมที่ทำไว้คือ  การฉ้อโกงทรัพย์สินของผู้อื่น  รบราฆ่าฟันกันเองฯ
            ๑๐. ยันตปาสาณนรก  นรกแห่งนี้เต็มไปด้วยยันต์หินลุกเป็นเปลวเพลิง  สำหรับบดสัตว์นรกให้แหลกละเอียด  บาปกรรมที่ทำไว้คือ  การเที่ยวยิงสัตว์  ฆ่าสัตว์ด้วยเครื่องยนต์ฯ
            โลกันตนรก  นรกที่ไม่มีแสงสว่างใดๆส่องไปถึงได้  เวลาเป็นมนุษย์สัตว์นรกพวกนี้เป็นมิจฉาทิฐิ   คือพวกที่ถือมั่นว่า  นรก  สวรรค์  นิพพาน  ไม่มี  มารดาบิดาไม่มี  ที่เกิดมานั้นก็เกิดตามๆกันมา  บุญไม่มีบาปไม่มี  ครั้นตายไปแล้วไปตกมหาตาปนรก  แล้วก็ไปตกอเวจีนรก  จึงไปตกโลกันตนรกต่อภายหลัง  สัตว์นรกพวกนี้จะห้อยโหนเหมือนค้างคาว  เมื่อพบเพื่อนเปรตเข้าก็ทำให้เข้าใจว่าเป็นอาหารจะได้กิน  แล้วก็เข้าปล้ำกันตกลงไปในน้ำรองดิน  ซึ่งเป็นน้ำที่เยือกเย็นเหมือนน้ำกรด  พอตกลงไปแล้วก็จะละลายเหมือนกับแป้งที่ละลายในน้ำได้
คนที่กลัวเข็มฉีดยาส่วนใหญ่เคยได้รับทุกขเวทนามาแล้วจากการถูกแทงอยู่ในนรก  จนสภาพความกลัวนั้นยังติดมาในภพชาติที่เป็นมนุษย์อยู่  ความรู้สึกว่าเข็มฉีดยานั้นเจ็บเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับผลกรรมที่ต้องชดใช้ในนรก  ที่ต้องถูกมีด  หอก  ดาบ  สารพัดทิ่มแทงเข้าใส่  ความเจ็บปวดทรมานกว่าหลายเท่าทวีคูณและไม่ได้เจ็บแค่ประเดี๋ยวประด๋าว  แต่เจ็บกันเป็นหลายล้านปี
ฉะนั้นการที่จะทำบาปกรรมอะไรก็ขอให้คิดถึงเรื่องนี้ไว้บ้างว่า  ผลลัพธ์ที่ออกมามันแตกต่างกันอย่างมหาศาล  อย่างที่เคยบอกเอาไว้  อย่าประมาททานแม้น้อยนิด  สามารถให้ผลเป็นอัศจรรย์ได้  เช่นเดียวกับบาปกรรมแม้เล็กน้อยก็ให้ผลทวีคูนเช่นกัน
แม้ชีวิตจะสร้างบุญกรรมไว้มากมาย  ให้ได้ไปเกิดในเทวโลกสวรรค์ชั้นต่างๆก็ตาม  ที่สุดอย่างไรก็ต้องมารับกรรมในนรกอยู่ดี  ไม่อาจจะหนีกรรมในนรกได้  นอกจากจะบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลตั้งแต่ชั้นโสดาบันขึ้นไปเท่านั้น  จึงจะปิดประตูนรกได้อย่างถาวร
ตราบใดที่ยังไม่ได้อริยะ  ถึงแม้จะรักษาศีลโดยเคร่งคัด  แต่โอกาสที่จะทำให้ศีลมัวหมองไม่บริสุทธิ์ได้นั้นยังมีอยู่  เมื่อมีเหตุและปัจจัยที่ทำให้เป็นไป  ปุถุชนทั้งหลายจึงมิอาจปิดประตูนรกได้
ชาวพุทธส่วนหนึ่งเข้าใจว่าเวลาเราตายแล้วจะตกนรกทันที  ไปหาท่านพระยายมราชเพื่อให้ตัดสินความดีความชั่วก่อน  ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับพวกมิจฉาทิฐิที่เข้าใจว่าตายแล้วสูญ  ชาติหน้าไม่มีบุญบาปไม่มี  คนจำพวกนี้เวลาตายจึงจะถูกท่านพระยายมราชไต่สวน  เคยทำบุญอะไรไว้บ้าง  เพื่อเปิดโอกาสให้  จะได้ไปใช้บุญบนสวรรค์ก่อนใช้หมดแล้วค่อยมารับกรรมต่างๆที่ทำไว้  ส่วนที่ทำบาปกรรมไว้มากตายแล้วก็ตกนรกทันทีตามบาปกรรมที่ทำไว้ในขุมต่างๆ  ส่วนคนที่สะสมบุญไว้มาก  ตายแล้วก็ขึ้นสวรรค์ทันทีเหมือนกัน  ไม่ต้องมาให้ท่านพระยายมราชพิจารณาบาปบุญ
พวกที่ทำทานรักษาศีลส่วนใหญ่  เมื่อตายแล้วจะอยู่บนเทวโลก สวรรค์ทั้งหกชั้น  พวกที่ภาวนาจนได้ฌาน  เมื่อตายแล้วก็จะไปบังเกิดบนพรหมโลกชั้นต่างๆ  ตามกำลังฌานของตน  แต่ก็อย่างที่บอกไว้แล้ว  ถ้ายังเป็นปุถุชนอยู่ถึงแม้ว่าไปเกิดบนเทวโลก  หรือพรหมโลกก็ตาม  มีสิทธิ์ที่จะไปตกนรกได้ทั้งนั้น เมื่อเสวยบุญหมดแล้ว  พระโพธิสัตว์เองก็ไม่อาจพ้นนรกได้เช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น: