วันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บทที่ ๖ ศีลข้อกาเมสุมิฉาจาร

เพิ่มคำอธิบายภาพ
ผู้วาดภาพประกอบ : กฤษณะ สุริยกานต์
      กาเมสุมิจฉาจาร
การล่วงละเมิดหญิงอยู่ในความปกครองของผู้อื่น  ย่อมได้รับความกลัวอันเกิดจากไฟและสายฟ้า  โรคเรื้อน  โรคฝี  โรคกลาก  โรคไอ  โรคหืด  โรคลมบ้าหมู   โรคลามก  มีอวัยวะผิดปกติ   หญิงย่อมไม่ละจากความเป็นหญิง  ชายกลายเป็นหญิงเป็นกะเทย  เป็นคนสองเพศได้
            ที่เคยบอกว่าศีล ๕  ที่ถูกลืมไปนั้น  ก็คือศีลข้อนี้นั้นเอง  ความจริงไม่ได้ลืมแต่รู้ไม่หมด ศีลที่คนส่วนใหญ่ได้ละเลยจนเกิดปัญหา  สังคมวุ่นวาย  ในเมื่อศีลข้อนี้ก็เป็นศีลข้อใหญ่  ซึ่งมีปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้องมากมาย  ซึ่งอาจจะไม่ตรงนัก  แต่ก็เกี่ยวเนื่องกันและมีประโยชน์
            ผู้คนส่วนใหญ่จะรู้แต่ว่า  การล่วงละเมิดภรรยาผู้อื่นทำให้ผิดศีล  ส่วนการล่วงละเมิดบุตรผู้อื่นผิดหรือไม่ผิดอย่างไรไม่รู้  พระส่วนใหญ่ในเวลาก็ไม่ค่อยได้สอนว่าผิดศีลข้อกาเม ฯคือล่วงละเมิดบุตรและภรรยาผู้อื่นหรือล่วงละเมิดภรรยาผู้อื่น  คำว่าบุตรอาจจะหายไปบ้าง และส่วนใหญ่ก็ไม่เข้าใจเรื่องบุตรผู้อื่นด้วยว่าเป็นยังไง
            หญิงที่อยู่ในปกครองของผู้อื่นที่มิใช่แต่ภรรยาของตน  และโดยความหมายนั้นหญิงที่อยู่ในความดูแลปกครองไม่ใช่แต่พ่อแม่เท่านั้น  รวมทั้งญาติพี่น้อง  หรือผู้ใหญ่ที่ให้ความอุปการะและมิใช่ว่าหมายถึงหญิงที่ไม่บรรลุนิติภาวะด้วย  แม้หญิงนั้นจะมีอายุเกิน ๒๐ ปี แล้วจะอายุเท่าไหร่ก็แล้วแต่ถ้ายังอยู่กับครอบครัว  ชายใดล่วงละเมิดหญิงนั้นก็ได้ชื่อว่าทำผิดศีลข้อกาเมนี้
            สังคมคนส่วนใหญ่ไม่รู้ข้อเท็จจริงนี้  ปัญหาจึงเกิดขึ้นมากมาย  เมื่อมีผู้รู้ความจริงนี้แล้วก็ช่วยกันเผยแพร่กันออกไป  เพื่อปัญหาของสังคมจะลดลงได้บ้าง
            พ่อแม่ต้องรู้จักสละเวลาเพื่ออบรมลูกๆบ้าง  โดยเฉพาะการดูทีวี  ทุกคนอาจจะอยู่ร่วมกัน  พ่อแม่ก็ต้องรู้จังหวะเวลา  เมื่อมีเหตุที่ไม่ถูกต้องก็ควรจะแนะนำให้ลูกๆได้เข้าใจในสิ่งนั้น  ซึ่งพ่อแม่เองก็ต้องมีความรู้เรื่องหลักธรรมที่ถูกต้องด้วย
            มีละครอยู่หลายเรื่องที่พระเอกได้ปลุกปล้ำและข่มขืนนางเอก  จะด้วยความแค้นหรือความโกรธ  ความรักหรือหึงหวงก็ตาม  และท้ายที่สุดปัญหาก็ถูกคลี่คลายลง  นางเอกหลบหนีพระเอก จะด้วยทั้งรักทั้งแค้นหรือแม้แต่จะมีบุตรด้วยกัน  แต่ก็ปรับความเข้าใจกันได้  และได้อยู่ด้วยกันหรือแต่งงานกันครองรักกันอย่างมีความสุข  แต่ความจริงของศีลธรรม  พระเอกคนนั้นได้ล่วงละเมิดหญิงที่อยู่ในความปกครองของผู้อื่นแล้ว  และจักได้รับผลกรรมนั้นแน่นอน  โดยมีนรกเป็นผลแห่งกรรมนั้น  ถึงแม้จะสร้างบุญกุศลมากมายมหาศาลก็มิอาจปิดประตูนรกได้  จนกว่าจะสำเร็จอริยะบุคคลเสียก่อน  จึงจะปิดประตูนรกได้เด็ดขาด  เมื่อไปเสวยผลบุญที่สร้างไว้จนหมดแล้ว  ก็ต้องมารับกรรมในนรกอยู่ดี
            ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น  เพราะพ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่รู้ธรรมข้อนี้  จึงไม่รู้จักสอนลูกหลาน    โดยเบื้องต้นพ่อแม่ต้องสอนลูกให้ละอายและเกรงกลัวต่อบาปเสียก่อน  พรรณนาเรื่องของนรกสวรรค์  ทำกรรมชั่วต้องตกนรกและรับกรรมอย่างทรมานแสนสาหัส  ต้องพูดซ้ำๆ พูดบ่อยๆ เพื่อให้ซึมเข้าไปในจิต  เมื่อลูกจะทำอะไรที่ผิดศีลธรรม  จิตที่ถูกอบรมว่าเป็นบาปต้องตกนรก  จะได้มีความเกรงกลัวต่อผลกรรมนั้นๆ
            วัยรุ่นมีความรักใคร่กันได้เสียกันขณะที่เรียนอยู่  จนเกิดปัญหาตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์หรือท้องในวัยเรียนและปัญหาต่างๆก็ตามมา  แม้แต่ผู้ที่บรรลุนิติภาวะมีการงานทำแล้วก็เช่นกัน  ได้เสียกันก่อนโดยผู้ใหญ่มิได้รับรู้ อย่างนั้นเขาเรียกว่าลักลอบได้กัน ย่อมผิดศีลกาเม  มีแดนนรกที่จะต้องได้ไป
            แม้ความจริงที่ปรากฏว่าท้องก่อนแต่งของดาราและของเยาวชนทั้งหลาย  ผลกรรมนั้นย่อมได้รับอย่างแน่นอน  ผู้ชายได้ล่วงละเมิดหญิงอยู่ในความปกครองของผู้อื่นเป็นการลักลอบได้เสียกัน  ชายผู้นั้นจักมีนรกเป็นแดนเกิด  หญิงจะต้องรับกรรมด้วยหรือไม่ขึ้นอยู่ที่  หญิงนั้นถูกล่อลวงด้วยอุบายใดๆหรือไม่  โดยเจ้าตัวมิได้สมัครใจ  หญิงนั้นไม่ขึ้นชื่อว่าทำผิดศีลข้อกาเม  แต่เป็นผลของวิบากกรรมแต่อดีตชาติ  จึงทำให้ต้องเสียตัว เสียใจ เสียชื่อเสียง  แต่ถ้าหญิงนั้นมีความยินยอมและเต็มใจยอมให้ชายนั้นล่วงละเมิดทางเพศ ขึ้นชื่อว่าได้กระทำกรรมนั้นแล้ว
            เมื่อลักลอบได้เสียกันแล้ว  ทำให้พ่อแม่ญาติพี่น้องทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง  มีความเสียใจ  โดยเฉพาะญาติฝ่ายหญิงมีความโศกเศร้า  มีความคับแค้นใจที่เรื่องน่าละอายเกิดกับลูกสาวของตัวเอง  พ่อแม่เลี้ยงลูกมาด้วยความลำบาก  ต้องการให้ลูกมีครอบครัวอย่างถูกต้อง ภาคภูมิใจ  คือมีการตกแต่งตามประเพณี  เพื่อให้สังคมรับรู้  แต่กลับทำให้วงศ์ตระกูลต้องเสียชื่อเสียง  ชายนั้นได้กระทำกรรมกับญาติของฝ่ายหญิงแล้ว
            ถ้าเป็นสิ่งของที่ทุกคนรักและหวงแหน  แต่มีผู้หนึ่งผู้ใดไปทำลายให้เสียหาย  บิ่นแตกหัก  มีสภาพเปลี่ยนไปจากเดิม  ทุกคนก็มีความเสียใจ  แล้วแต่ว่ารักชอบมากแค่ไหน  แต่นี่เป็นลูก ญาติพี่น้องย่อมมีความรักและหวงแหนมากกว่า  เป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่  ซึ่งเทียบกันไม่ได้เลย  ฉะนั้นการได้เสียกันโดยพ่อแม่และญาติมิได้รับรู้ก็เท่ากับผิดศีลกาเม
            ผู้ปกครองไม่ควรส่งเสริมลูกให้กระทำผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์  อย่าแนะนำลูกชายเพียงแต่ว่าเวลามีเพศสัมพันธ์ควรจะป้องกันอย่างไรเท่านั้น  ควรจะบอกโทษของการทำผิดศีลข้อกาเม  อธิบายความให้เข้าใจ  ผู้หญิงจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม  ถ้าได้ล่วงละเมิดทางเพศแล้ว  ขึ้นชื่อว่าทำผิดศีลข้อกาเมนี้   ทางโลกกับทางธรรมจะต่างกัน  หญิงใดบรรลุนิติภาวะแล้วและมีความสัมพันธ์ทางเพศกับชายโดยความสมัครใจ  กฎหมายไม่ถือว่าเป็นการล่อลวงหรืออนาจารใดๆ เพราะหญิงนั้นบรรลุนิติภาวะแล้ว  แต่ทางธรรมไม่ใช่  ไม่ว่าหญิงนั้นจะอายุเท่าไหร่ก็ตามแต่ยังมีผู้ปกครองดูแลอยู่  ชายหญิงมีเพศสัมพันธ์กันชื่อว่าลักลอบได้เสียกันโดยผู้ปกครองไม่ได้รับรู้  เป็นผู้ทำผิดศีลข้อกาเมนี้
            หญิงเองก็ไม่ควรปล่อยเนื้อปล่อยตัวโดยคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใคร  มีงานทำแล้วบ้าง  บรรลุนิติภาวะแล้วก็มี  รับผิดชอบตัวเองได้แล้ว  แต่การกระทำนั้นต้องทำให้พ่อแม่ญาติพี่น้องต้องเสียใจ  เสียชื่อเสียง  หญิงนั้นได้กระทำกรรมกับพ่อแม่ไว้แล้วโดยความหลงผิด ซึ่งในเวลานี้สังคมส่วนใหญ่มีความคิดผิดเช่นนี้ และมีการอยู่ก่อนแต่งทำเลียนแบบต่างชาติเขา น่าสงสารคนเหล่านี้ที่ไม่เข้าใจหลักธรรมข้อนี้อย่างกระต่างแจ้ง
            ละครทีวีส่วนใหญ่  จะเห็นกิเลสแต่ละคนมากบ้างน้อยบ้าง  ตามจินตนาการของผู้แต่งซึ่งยังเป็นปุถุชนอยู่  บางเรื่องพระเอกนางเอกทำเรื่องผิดศีลธรรมอย่างไม่ให้น่าอภัย แต่ก็ได้รับการยกย่องจากผู้ชมด้วยความหลงผิด  ทำให้มีการเลียนแบบและทำตาม
            ผู้ปกครองควรใส่ใจให้มากและแนะนำทางที่ถูกต้องให้  จะได้ไม่หลงผิดตามกระแสนิยม  ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรก็จะลดลง
            เมื่อกล่าวถึงดาราที่ว่าเป็นคนของสังคม  ทำให้ผู้คนเลียนแบบทั้งดีและไม่ดี  ซึ่งดาราเองก็ตกอยู่ในบ่วงแห่งกรรมนั้นอยู่แล้ว  บางคนยังทำกรรมซ้ำซากลงไปอีก  จะโดยเจตนาก็ดีหรือไม่เจตนาก็ดี  ด้วยความหลงผิดทำตามกันมาก็มี
           ชายหญิงแต่งงานกันแล้วถือว่าเป็นคนๆเดียวกัน  เปรียบเทียบกับการจดทะเบียนเป็นหุ้นส่วนกันแล้ว  มีการมอบหมายหน้าที่แต่ละคนรับผิดชอบ  จะจ้างใครมาช่วยงานบ้าง  เมื่อตกลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  รายได้ที่เข้ามา  ภรรยาคือฝ่ายบัญชีผู้ดูแล  สามีเป็นผู้บริหารเป็นพนักงานขายคนเดียวหรือกับภรรยาด้วยแล้วแต่กรณี  โดยสามีเอาความสามารถไม่ว่าทางร่างกายหรือสมองไปทำงานเพื่อให้ได้เงินมา  เมื่อเป็นดังนี้แล้วรายได้ทั้งหมดก็ต้องนำเข้าห้างหุ้นส่วน และจัดแบ่งสรรกันตามที่ตกลงกันไว้  ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดนำรายได้เข้าห้างหุ้นส่วนไม่ครบก็เป็นการยักยอก แต่ในทางครอบครัวเงินที่ได้มาไม่ครบหรือส่วนที่เกินจะโบนัสหรือเงินล่วงเวลาก็ตาม  ถ้านำไปใช้เพื่อประโยชน์และความสุขของครอบครัวก็ไม่เป็นไร  แต่ถ้านำไปใช้เพื่อผู้หญิงหรือชายอื่นที่ไม่ใช่ญาติ  ที่ไม่เป็นเพื่อการกุศลก็เท่ากับทำผิดกับครอบครัว  ลองพิจารณาดูให้ดีถ้าใครในครอบครัวรู้ว่าเงินที่สมควรจะเป็นของครอบครัวแต่ถูกใช้ไม่ถูกหลักธรรม  เช่นสามีเอาเงินไปให้เมียน้อยใช้  ทั้งลูกและภรรยาก็ต้องเสียใจ  หลักง่ายๆอยู่  แต่ส่วนใหญ่จะคิดว่าเราเป็นผู้หาเงินมาได้จะทำอะไรก็ได้  คิดเข้าข้างตัวเองทั้งนั้น
เมื่อเป็นครอบครัวแล้วก็ต้องทำให้ทุกคนมีความสุข  ไม่ใช่ไปหาผลประโยชน์คือความสุขนอกบ้านคนเดียว  ปล่อยให้ครอบครัวมีแต่ทุกข์
นั่นแหละความโลภที่อยากไม่รู้จักพอ  แล้วเอามาเป็นข้ออ้างต่างๆนานา
ผู้ชายอย่าได้มองผู้หญิงว่าเป็นผู้ที่ด้อยกว่าทั้งความคิด  การทำงาน  ความรับผิดชอบ  หรือแม้แต่เป็นที่รองรับอารมณ์
ความจริงแท้   ทุกคนก็เคยเกิดเป็นทั้งผู้หญิงและผู้ชายกันมาแล้ว  แม้แต่สัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ก็ไม่มีเว้น  ไม่ควรจะไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเราเป็นเขา
ผู้ชายประสบความสำเร็จเพราะผู้หญิงก็มีอยู่มากมาย  ตัวอย่างก็มีให้เห็นที่ลงในหนังสือต่างๆ  แต่จะนำเรื่องของการบรรลุธรรมซึ่งเป็นเรื่องของนางวิสาขาสำเร็จโสดาบันเมื่อตอนอายุได้ ๗ ขวบ  หลังแต่งงานแล้วช่วยให้พ่อสามีบรรลุธรรม

นางวิสาขา  เกิดในตระกูลเศรษฐีในเมืองภัททิยะ  บิดาชื่อธนญชัย  มารดาชื่อสุมนาเทวี  ขณะที่เธอมีอายุได้ ๗ ขวบ  เมณฑกเศรษฐีซึ่งเป็นปู่ของนางวิสาขา  ได้ทราบข่าวว่า  พระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์จำนวนมากกำลังเสด็จมาสู่เมืองภัททิยะ  จึงได้มอบหมายให้เด็กหญิงวิสาขาพร้อมด้วยบริวาร  ออกไปทำการรับเสด็จที่นอกเมือง  ขณะที่พระพุทธองค์ประทับพักผ่อนพระอิริยาบถอยู่นั้น  เด็กหญิงวิสาขาพร้อมด้วยบริวาร  เข้าไปเฝ้ากราบถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่อันสมควรแก่ตน  พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาให้พวกเธอฟัง  เมื่อจบลงก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบันด้วยกันทั้งหมด 
เหตุที่นางวิสาขาเป็นหญิงงามเบญจกัลยานี  นางได้แต่งงานกับปุณณวัฒนกุมาร  บุตรชายของมิคารเศรษฐี  แห่งเมืองสาวัตตี 
ธนญชัยเศรษฐี  ได้สั่งช่างทองทำเครื่องประดับชื่อ  มหาลดาปสาธน์  เพื่อมอบให้ลูกสาว  ซึ่งเครื่องประดับนี้เป็นชุดยาวติดต่อกันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า  ประกอบด้วย  เงินทองและรัตนะอันมีค่าถึง ๙ โกฏิกหาปณะ  ค่าแรงช่างอีก  ๑ แสน  เป็นเครื่องประดับที่มีน้ำหนักมาก  หญิงอื่นไม่สามารถจะประดับได้  เนื่องจากนางวิสาขามีคุณสมบัติพิเศษ  นอกจากเป็นผู้หญิงที่มีวัยงามแล้ว  นางยังมีกำลังมากเท่ากับช้าง ๕ เชือกรวมกัน  ซึ่งพระราชาก็เคยทดสอบนางแล้ว
ธนญชัยเศรษฐียังได้มอบทรัพย์สินเงินทอง  ข้าทาสบริวารและฝูงโคอีกจำนวนมาก  อีกทั้งกุฎุมพีผู้มีความชำนาญพิเศษต่างๆ  ไปเป็นที่ปรึกษาดูแลประจำตัวอีก  ๘ นาย
เมื่อนางวิสาขาเข้ามาสู่ตระกูลของสามีแล้ว  เพราะความที่เป็นผู้ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี  และเป็นผู้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด  มีน้ำใจ  เจรจาไพเราะ  ให้ความเคารพผู้ที่มีวัยสูงกว่าตน  จึงเป็นที่รักใคร่ชอบใจของคนทั้งหลาย  ยกเว้นมิคารเศรษฐีบิดาของสามี  ซึ่งมีจิตศรัทธาฝักใฝ่ในนักบวชอเจลกชีเปลือย  โดยให้ความนับถือว่าเป็นพระอรหันต์  และนิมนต์ให้มาบริโภคโภชนาหารที่บ้านของตน  แล้วสั่งให้คนไปตามนางวิสาขามาไหว้พระอรหันต์และให้มาช่วยจัดเลี้ยงอาหารแก่อเจลกชีเปลือยเหล่านั้น
นางวิสาขา  ผู้เป็นพระอริยะสาวิกาชั้นโสดาบันพอได้ยินคำว่าอรหันต์  ก็รู้สึกปิติยินดี  จึงรีบมายังเรือนของมิคารเศรษฐี  ครั้นเห็นอเจลกชีเปลือยแล้วก็ตกใจ จึงกล่าวว่า ผู้ไม่มีความละอายเหล่านี้จะเป็นพระอรหันต์ไม่ได้ พร้อมทั้งกล่าวติเตียนมิคารเศรษฐีแล้วกลับไปที่อยู่ของตน
อีกวันหนึ่งต่อมา  ขณะที่มิคารเศรษฐีกำลังบริโภคอาหารอยู่  โดยมีนางวิสาขาคอยปรนนิบัติอยู่ใกล้ๆ  ได้มีพระเถระเที่ยวบิณฑบาตผ่านมาหยุดยืนที่หน้าบ้านของมิคารเศรษฐี  นางวิสาขาทราบดีว่าเศรษฐีแม้จะเห็นพระเถระแล้วก็ทำเป็นไม่เห็น  นางจึงกล่าวกับพระเถระว่า นิมนต์พระคุณเจ้าไปข้างหน้าก่อนเถิด ท่านเศรษฐีกำลังบริโภคของเก่าอยู่
เศรษฐีได้ฟังดังนั้นแล้วจึงโกรธเป็นที่สุด  หยุดบริโภคอาหารทันทีแล้วสั่งให้บริวารมาจับและขับไล่นางวิสาขาให้ออกจากบ้านไป  แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาจับ  นางวิสาขาขอชี้แจงแก่กุฎุมพี ๘ นายที่พ่อของนางได้ส่งมาช่วยดูแลนางก่อน และเมื่อมิคารเศรษฐีให้คนไปเชิญกุฎุมพีมาแล้วแจ้งโทษของนางวิสาขาให้ฟัง  ซึ่งนางก็แก้ด้วยคำว่า ที่ดิฉันกล่าวอย่างนั้น  หมายถึง  มิคารเศรษฐีบิดาของสามีกำลังบริโภคบุญเก่าอยู่  มิใช่บริโภคของบูดเน่าอย่างที่เข้าใจ กุฎุมพีทั้ง ๘  จึงกล่าวกับเศรษฐีว่า  เรื่องนี้นางวิสาขาไม่มีความผิด
เมื่อมิคารเศรษฐีฟังคำชี้แจงของลูกสะใภ้แล้วก็หายโกรธ  และกล่าวขอโทษนาง  พร้อมทั้งอนุญาตให้นางนิมนต์พระบรมศาสดาพร้อมภิกษุสงฆ์มารับอาหารบิณฑบาตในเรือนของตน 
ขณะที่นางวิสาขาจัดถวายภัตตาหารแด่พระบรมศาสดาและภิกษุสงฆ์อยู่นั้น  ก็ได้ให้คนไปเชิญมิคารเศรษฐีมาร่วมถวายภัตตาหารด้วย  แต่เศรษฐีมาแล้วไม่กล้าที่จะออกไปสู่ที่เฉพาะพระพักตร์พระศาสดา  เพราะไม่มีศรัทธาเลื่อมใส  จึงแอบนิ่งอยู่หลังม่าน
เมื่อเสร็จภัตตากิจแล้ว  พระบรมศาสดาทรงแสดงพระธรรมเทศนา  ส่วนมิคารเศรษฐีแม้จะหลบอยู่หลังม่านแต่ก็เหมือนกับได้ฟังธรรมอยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้า  และก็ได้สำเร็จเป็นพระโสดาบันบุคคลในพุทธศาสนา  เป็นสัมมาทิฐิบุคคลตั้งแต่นั้นมา
ทันใดนั้นมิคารเศรษฐีก็ได้ออกจากหลังม่านแล้วตรงเข้าไปหานางวิสาขา    และประกาศให้คนทั้งหลายได้ยินทั่วกัน  ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป  ขอเธอจงเป็นมารดาของข้าพเจ้าเถิด และตั้งแต่นั้นมานางวิสาขาก็ได้นามว่า มิคารมารดา จะเห็นได้ว่า  มิคารเศรษฐี  ได้ทำการยกย่องนางวิสาขาเยี่ยงมารดาของตนเป็นสัมมาทิฐิ  จนได้บรรลุโสดาบัน  นางวิสาขาได้ทำคุณอันยิ่งใหญ่ให้แก่มิคารเศรษฐีพ้นจากนรกและพร้อมกับปิดประตูนรกได้เด็ดขาด
นางวิสาขาควรแก่การยกย่องสรรเสริญ  ในปัจจุบันจะมีผู้ชายสักกี่คนที่ยกย่องเคารพและศรัทธาต่อผู้หญิงอย่างจริงใจ  มิคารเศรษฐีกระทำได้และเป็นการกระทำได้ยากอย่างยิ่ง  เพราะมิคารเศรษฐีได้สำเร็จโสดาบันจึงตัดสักกายะทิฐิ  ความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนและหมดความลังเลสงสัยในพระพุทธเจ้าลงได้  และศรัทธาต่อนางวิสาขาที่สำเร็จโสดาบันมาก่อนตนนางรุจา

เรื่องของนางรุจา
ที่เคยทำผิดศีลกาเมฯที่มีอยู่ในเรื่องนารทพรหม ( พระเจ้าสิบชาติ ) เนื่องด้วยพระเจ้าอังคติกำลังอยู่ในมิจฉาทิฐิ  เพราะเชื่อถ้อยคำของชีวกชีเปลือยว่า  บาปบุญไม่มี  โลกหน้าไม่มี  ปู่  ย่า  ตา  ยาย  มารดา  บิดา  ไม่มี  ตายแล้วก็สูญไป  ไม่มีบาปมีบุญอันใดที่จะตกแต่งให้ชั่วให้ดีได้  และอาลาตเสนาบดีก็กล่าวเสริมว่า  เมื่อชาติก่อนตัวเองได้เคยฆ่าสัตว์มากมาย  แต่เวลาตายแล้วได้เกิดเป็นเสนาบดีมีทรัพย์ถึงเพียงนี้  เพราะเขาระลึกชาติได้เพียงชาติเดียวเท่านั้น  เมื่อชาติก่อนที่เขาจะเกิดเป็นคนฆ่าสัตว์ขายนั้น  เขาได้บูชาพระเจดีย์พระกัสสปพุทธเจ้า  ด้วยพวงดอกอังกาบแต่ว่าบุญยังไม่ได้ส่งผล  ส่วนบาปอย่างอื่นที่เขาทำไว้ในชาติก่อนโน้นอีกมีอยู่  บาปนั้นให้ผลก่อนจึงได้มาเกิดเป็นคนฆ่าสัตว์ขาย  ภายหลังบุญนั้นได้ให้ผลจึงมาเกิดเป็นเสนาบดี
ในเวลานั้น  มีชายเข็ญใจคนหนึ่งได้มานั่งฟังการสนทนาธรรมอยู่ในนั้น  ได้กราบทูลต่อพระเจ้าอังคติว่า  เมื่อชาติก่อนข้าพระองค์ได้เกิดเป็นเศรษฐีและตั้งใจให้ทานรักษาศีลภาวนา  ถึงในชาตินี้ก็ยังตั้งใจให้ทานรักษาศีล  ด้วยยังเชื่อว่าบาปมี บุญมี  แต่พอฟังคำของชีวกชีเปลือย  จึงเข้าใจว่า  บาปบุญไม่มี  เพราะถ้าบุญมีจริง  ข้าพระองค์ก็ต้องได้เกิดเป็นเศรษฐีอีก
การที่ชายเข็ญใจกราบทูลอย่างนั้น  เพราะเขานึกไม่ได้ถึงชาติที่เขาเกิดเป็นคนเลี้ยงวัว ได้ด่าพระภิกษุผู้หลงทางด้วยถ้อยคำหยาบช้า  ในชาติก่อนที่เขาเกิดมาเป็นเศรษฐี  แต่ว่าบาปที่ด่าพระไว้นั้นยังไม่ได้ให้ผล  และผลบุญที่เขาทำไว้ก่อนชาติที่ด่าพระนั้นให้ผลก่อน  เขาจึงมาเกิดเป็นเศรษฐี  เมื่อเขาตายจากชาติที่เป็นเศรษฐีแล้ว  บาปที่ด่าพระนั้นจึงส่งผลให้เขามาเกิดเป็นลูกทาสีตกยาก
ด้วยเหตุที่บุคคลทั้งสามได้กล่าวอย่างนั้น  จึงทำให้พระเจ้าอังคติตกอยู่ในมิจฉาทิฐิ  และทำให้นางรุจาราชธิดาต้องมากล่าวเตือนราชบิดา  อย่าไปเชื่อถือถ้อยคำของบุคคลทั้งสาม  เพราะหม่อมฉันระลึกชาติหนหลังได้ ๑๒ ชาติ  รู้แจ้งบาปบุญดีกว่าคนทั้งสามนั้น  คือชาติที่ ๑ หม่อมฉันเกิดเป็นบุตรช่างทอง  ชาติที่ ๒ เกิดเป็นบุตรเศรษฐี  ชาติที่ ๓ ตกนรก  ชาติที่ ๔นั้นเป็นลา  ชาติที่ ๕ เป็นวานร  ชาติที่ ๖ เป็นโค  ชาติที่ ๗ เป็นกะเทย  ชาติที่ ๘-๙-๑๐ เกิดเป็นนางสนมของพระอินทร์อยู่ ๓ ชาติ  ชาติที่ ๑๑-๑๒ เกิดเป็นภรรยาของเทพบุตรอยู่ ๒ ชาติ  ส่วนชาตินี้เราเกิดเป็นจุรา  เมื่อตายจากชาตินี้แล้วจะได้เกิดเป็นเทพบุตรในสวรรค์รวมเป็น ๑๔ ชาติ  นางรุจาได้เล่าเรื่องต่อไปว่า  ชาติที่เกิดเป็นบุตรช่างทองนั้นได้กระทำชู้กับภรรยาผู้อื่นไว้มาก  แต่ว่าบาปยังไม่ให้ผล  บุญที่ทำไว้ก่อนชาตินั้นได้ให้ผล  ทำให้เกิดเป็นบุตรเศรษฐีได้ให้ทานรักษาศีลไว้มาก  พอตายจากชาติเศรษฐี  บาปที่เป็นชู้กับภรรยาผู้อื่นในชาติที่เป็นบุตรช่างทองนั้นได้มาเกิดเป็นลาและถูกเขาตอน  ตายจากลาแล้วได้มาเกิดเป็นวานรแล้ววานรนายฝูงตัดองค์กำเนิดเสีย  ตายจากวานรแล้วมาเกิดเป็นโคและถูกเขาตอนอีก  ตายจากโคมาเกิดเป็นคนกะเทยอยู่ในตระกูลมั่งมี  ตายจากกะเทยได้ขึ้นไปเกิดเป็นนางสนมของพระอินทร์อยู่ ๓ชาติ  จึงได้เกิดเป็นรุจาในชาตินี้  ตายจากชาตินี้จักได้เกิดเป็นเทพบุตรอยู่ในสวรรค์  ด้วยบุญที่ได้ทำไว้ครั้งเป็นเศรษฐีตอนโน้น
เมื่อเล่าจบ  พระเจ้าอังคติก็ยังไม่ทรงเชื่อ  นางรุจาจึงลุกขึ้นยกหัตถ์ประณมน้อมในทิศทั้ง ๑๐ แล้วกล่าวบอกต่อผู้มีศีลธรรมอันดีหรือเทพเจ้าอินทร์พรหมทั้งหลายให้มาช่วยพระบิดาให้ละมิจฉาทิฐิเสียในครั้งนี้  ด้วยอำนาจบุญบารมีที่ข้าพเจ้าได้สะสมมา
ในคราวนั้น  นารทพรหมผู้อยู่ในพรหมโลกได้ยินถ้อยคำของนางรุจาด้วยหูทิพย์  จึงหายวับลงมาจากพรหมโลก  เพื่อมาละมิจฉาทิฐิของพระเจ้าอังคติ
โดยนารทพรหมที่แปลงเป็นฤๅษีบอกว่า  บาปบุญมี  บิดามารดามี  โลกหน้ามีจริง  พระเจ้าอังคติจึงว่า  อย่างนั้นให้ข้าพเจ้าขอยืมเงินสัก ๕๐๐ เถิด  แล้วชาติหน้าจะใช้คืนให้ ๑,๐๐๐  นารถฤๅษีตอบว่า  ถ้าพระองค์มีศีลธรรมดี  และตายแล้วจักได้ไปสวรรค์  อาตมาก็ยินดีให้ยืม  แต่พระองค์ไม่มีศีลธรรมและตายแล้วก็ต้องตกนรกใครจะให้พระองค์ยืมได้  อย่าว่าแต่โลกหน้าเลย  เพียงโลกนี้ก็ไม่มีใครยินดีให้  คนไม่มีศีลธรรมกู้ยืมเพราะกู้ไปแล้วก็จะทวงคืนไม่ได้
ในลำดับนั้น  นารถฤๅษีจึงทรงยกเอาเรื่องนรกขึ้นแสดงถวาย  จนพระเจ้าอังคติสะดุ้งกลัวแล้ว  จึงยกเอาเรื่องสวรรค์ขึ้นมาแสดงเป็นชั้นๆจนพระเจ้าอังคติละมิจฉาทิฐิได้
รายละเอียดให้ไปหาอ่านได้ในเรื่องพระเจ้าสิบชาติ  ที่ยกเรื่องของนางรุจามาบอกกล่าว  เพื่อจะแสดงให้เห็นโทษของการทำผิดศีลข้อกาเม  กรรมบางอย่างยังไม่ส่งผลทันที  กรรมบางอย่างข้ามภพข้ามชาติ  เมื่อผลบาปส่งผลให้มาเกิดเป็นสัตว์ก็ยังถูกเขาตอน  เป็นคนก็เป็นกะเทย  ไปเป็นนางฟ้าก็เป็นนางบำเรอของเทวดา  เพราะไม่มีวิมานเป็นของตัวเอง  เทวดาหญิงชายทั้งหลายมีการบริโภคกามคุณเหมือนกัน  แต่ลักษณะเป็นทิพย์  เทวดาที่บริโภคกามคุณมากและไม่ยอมบริโภคอาหารที่เป็นทิพย์เหมือนกัน  ก็จะทำให้เทวดาผู้นั้นหมดอายุขัยก่อนเวลาอันควรก็มี ให้ดูที่นางรุจาบอกว่าถ้าตายจากชาตินี้ก็ไปเกิดอยู่บนสวรรค์  ด้วยบุญที่ทำไว้ครั้งที่เป็นเศรษฐี นับได้ถึง ๘ ชาติกว่าบุญนั้นจะส่งผล
ต่อมาอลาตเสนาบดีได้มาเกิดเป็นพระเทวทัต   คุณาชีวกได้มาเกิดเป็นอเจลกชีเปลือย  พระนางรุจาได้มาเกิดเป็นพระอานนท์  พระเจ้าอังคติได้มาเกิดเป็นพระอุรุเวลกัสสป  ส่วนนารทพรหมได้มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า
 

ไม่มีความคิดเห็น: