เพิ่มคำอธิบายภาพ http://www.deviantart.com/ ... |
การที่จะเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องธรรมะให้ผู้อื่นเข้าใจไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนใหญ่ที่เห็นก็จะเป็นการคัดลอกจากพระไตรปิฎกบ้างและจากครูบาอาจารย์หลายๆท่าน นำมาเผยแพร่อีกที หรือเป็นนิยายที่อิงธรรมะ สิ่งที่ผมรู้เห็นและปฏิบัติได้จริงก็น่าจะเป็นอะไรที่พอจะช่วยผู้อื่นได้บ้าง บทความที่ผมจะเขียนนั้นอาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจผู้อ่านบ้างก็ต้องขออภัย เพราะจะให้ใครมาชอบใจในสิ่งที่เราทำทุกคนก็เป็นไปไม่ได้ จะมาอ้างพระไตรปิฎกทั้งหมดก็คงไม่ใช่ เพราะพระไตรปิฎกได้ทำการสังคายนามาหลายครั้ง ย่อมจะมีการผิดเพี้ยนไปจากเดิมบ้าง ยิ่งครั้งหลังๆพระเถรที่ร่วมสังคายนาได้สำเร็จพระอรหันต์ทั้งหมดหรือไม่ ถ้าไม่พระไตรปิฎกก็ย่อมมีผิดพลาดได้
เมื่ออ่านหนังสือพระกรรมฐาน ๔๐ ซึ่งมีบทอสุภกรรมฐาน ๑๐ ที่อ่านแล้วน่าจะมีประโยชน์กับเรามาก เพราะจะทำให้ปลงจากคนรักได้ ผมพยายามนึกคิดภาพผู้หญิงที่ผิวหนังเริ่มเหี่ยวย่นก็อาศัยดูคนเฒ่าคนแก่ จากนั้นก็ลอกหนังลอกเนื้อไปเรื่อยๆ....เวลาใดที่ภาพของคนรักผุดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็จะจินตนาการให้ร่างกายนั้นทรุดโทรมเน่าเปื่อยเหลือแต่กระดูก ที่สุดผมก็ตัดหญิงคนรักได้เด็ดขาด แม้กระทั่งเวลาผมอยู่บนรถเมลเห็นผู้หญิงสวยๆไม่ได้เลย จะมีอาการอยากจะอาเจียนให้ได้ ต้องพยายามไม่คิดถึงอสุภอีก อาการอย่างนี้เกิดขึ้นนานเป็นเดือน ตัวผมเองในเวลานั้นยังไม่คิดจะออกบวชอยากจะมีเมียซะก่อนว่ามันจะเป็นยังไง และเริ่มปล่อยวางไม่นึกถึงอสุภกรรมฐานอีก
ช่วงที่ทำงานอยู่นั้นก็ได้พบรักกับพนักงานในบริษัทเดียวกัน ความรักดูเหมือนจะไปกันได้ดีแต่ก็ต้องอกหักอีกครั้ง เมื่อเธอปฏิเสธด้วยคำที่ว่า เธอดีเกินไป แต่คราวนี้ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร
พระท่านจะมาสอนวันเสาร์กับอาทิตย์ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้จะไปไหนด้วย ก็เลยต้องทนฟังท่านสอนอยู่อย่างนั้น เผอิญทางครอบครัวผมมีปัญหาทางด้านการเงินอยู่ด้วยในขณะนั้น ผมถูกกดดันจากภรรยาเป็นอย่างมาก ตอนนั้นก็ปรึกษาเพื่อนว่ามีใครจะซื้อไตบ้างมั้ย ผมจะขายข้างหนึ่งเพื่อจะเอาเงินก้อนนี้มาให้ภรรยาได้เป็นทุนทำอะไรก็ได้ที่เขาอยากทำและจะได้เลิกกดดันผมสักที คุณน้ำเองก็ถามผมว่าจริงหรือผมก็บอกว่าใช่ เพราะผมคิดว่าขายไตไปข้างหนึ่งก็ยังเหลืออีกข้าง ชีวิตก็ยังอยู่ได้ยังไม่ถึงกับตาย และผมคิดต่อไปว่าร่างกายก็ไม่ใช่ของเราอยู่แล้วจะมาหวงอะไร แต่โชคดีที่ตอนนั้นเรื่องการเงินเริ่มดีขึ้นเลยไม่ต้องดิ้นรนติดต่อคนที่จะมาซื้อไต และมันเป็นเรื่องผิดกฎหมายด้วย พระอาจารย์ท่านก็รู้ วันหนึ่งพระอาจารย์บอกว่าหน้าตาผมดูหม่นหมองไม่มีราศีเลย เดี๋ยวอาจารย์จะช่วยให้สว่างขึ้น ผมก็ตอบครับกับท่านไป วันรุ่งขึ้นท่านก็บอกให้ผมใช้น้ำสบู่ถูที่คิ้วทั้งสองข้างท่านจะโกนคิ้วให้ เอาละซีอยู่ดีๆท่านจะโกนคิ้วให้ เออ บวชก็ไม่ได้บวช ผมก็ไม่ได้โกนจะโกนแต่คิ้วอย่างเดียวซะงั้น ขณะนั้นผมคิดว่า เอาโกนก็โกน ร่างกายก็ไม่ใช่ของเราอยู่แล้วจะไปอาลัยอาวรณ์กับมันทำไมเดี๋ยวก็ขึ้นใหม่แล้ว แต่นึกๆไปใครเห็นเข้าคงจะอดขำไม่ได้ แม้แต่เด็กก็ยังมาล้อ ตอนนั้นก็ไม่สนใจอะไร คงนั่งฟังพระอาจารย์สอนไปเหมือนเดิม