วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บทที่ ๑๗ นิพพานด้วยปัญญา (๑)



เพิ่มคำอธิบายภาพ
http://www.visudhidham.com/joomla/th/the-buddha2.html

       ขึ้นหัวเรื่องว่านิพพานด้วยปัญญา ถ้าใครได้อ่านบทความตั้งแต่บทที่ ๑ ทื่ผมเดินเรื่องไว้การบรรลุธรรมของอริยสาวกทั้งหลายที่ฟังธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้าโปรดแสดงไว้จบลง มีผู้บรรลุธรรมมากมาย เป็นเพราะท่านเหล่านั้นได้ใช้ปัญญาพิจารณาตามพระกระแสเสียงของพุทธองค์ โดยเอาจิตจับไปในพระกระแสเสียงนั้น

        ผมจะไม่พูดถึง เจโตวิมุต ปัญญาวิมุต ว่าต่างกันอย่างไร แต่ผู้ที่เจริญกรรมฐานโดยไม่มีวิปัสสนามักจะหลงยึดติดกับองค์ฌานหรือติดสุขในฌานขั้นต่างๆอย่างฤๅษี ดาบสทั้งหลายมีอาฬารดาบสและอุทกดาบสเป็นต้น จึงไม่สามารถทำให้จิตหลุดพ้นได้ แต่ผู้ที่เจริญวิปัสสนาจนรู้แจ้ง แล้วมาเจริญกรรมฐานทีหลังจะไม่หลงฤทธิ์เหมือนกับผู้ชอบอิทธิฤทธิทั่วไป ส่วนผมจะบอกในสิ่งที่ผมปฏิบัติและทำได้จริงมาบอกมาเผยแพร่ อย่างที่เคยบอกถึงวิธีปฏิบัติ พอถึงเวลารู้ก็สามารถเข้าใจ ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ หรือแม้แต่สติปํฏฐาน ๔ ได้ แต่ผมเน้นหวังผลจริงรู้จริง ในบทต้นๆผมให้ความรู้พื้นฐานที่เป็นองค์ประกอบในการพิจารณาในการปฏิบัติเพื่อปิดอบาย ในบทที่ ๑๖ เป็นการปฏิบัติในองค์ความรู้ทั้งหมดนั้น ให้เหลืออยู่เท่าที่อธิบายการพิจารณาหลักธรรม อย่างเช่น ความไม่เที่ยง ไม่เที่ยงเพราะอะไร ธรรมในบทต้นๆมีบอกไว้หลายตอน อย่างเรื่องของนางรุจาเป็นต้น ผมไม่ต้องอธิบายอีก นอกจากบางคนที่ยังไม่เข้าใจก็ต้องหยิบยกมาบอก
              บทความทั้งหมดจะมีความสัมพันธ์กันเกี่ยวกับการปฏิบัติอย่างมาก แม้ผู้ที่อยากจะไปนิพพาน ก็สามารถรู้ได้ว่าจะไปได้อย่างไหร่ แต่ที่ยังไปไม่ได้เพราะอะไร
              ผมเห็นความสับสนของพุทธศาสนิกชน  ที่หลงเข้าใจผิดในรูปแบบการปฏิบัติทางพุทธศาสนา  บางอย่างก็ทำตามกันมาจนเป็นประเพณีแล้วไปยึดติดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง  บางอย่างก็ไปหลงเชื่อเพราะคิดว่าเป็นคำพูดของพระของเจ้า  บางอย่างก็ไปหลงเชื่อเพราะเห็นคนส่วนมากเชื่อ  ความเชื่อผิดๆแล้วปฏิบัติผิดๆ  จึงทำให้คนส่วนใหญ่หลงเวียนว่ายตายเกิดหาที่สุดของภพชาติไม่ได้
                ความจริงหลายอย่างที่ปฏิบัติกันผิดๆ นับถือผิดๆ  แต่ไม่มีผู้ใดมาแก้ไขให้ถูกจะด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบได้  แต่ผมจะขอเปิดเผยความจริงให้ถูกต้อง  เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย  และผู้ที่ไม่เคยศึกษาธรรมมาก่อนเลย  จะได้ใช้ปัญญาพิจารณาใคร่ครวญให้ถูกต้องตามแนวทางพระพุทธศาสนา
               บทความนี้อาจจะมีความขัดแย้งไม่ตรงกันกับความคิดเห็นของหลายๆท่าน  แต่ขอให้ดูเหตุผลที่ผมยกมาเปรียบเทียบ  เพื่อท่านทั้งหลายใช้ปัญญาพิจารณาให้ดี  ความคิดของท่านทั้งหลายอาจจะผิดมาตั้งแต่แรก  ถ้าท่านไม่ยึดติดจนเกินไป  ท่านจะได้ปัญญาจากบทความต่อไปนี้
               เนื้อหาบางตอนอาจจะมีซ้ำกันบ้าง  แต่จะยกส่วนที่ต้องการเน้นย้ำมาบอก  เพื่อตอกย้ำให้เข้าใจในเหตุและผล  จึงยกข้อความนั้นมาบอกอีก
               บทความต่อไปนี้จะเป็นบทย่อย ส่วนใหญ่จะเป็นบทสั้น แต่ทุกบทเน้นเรื่องปัญญา คือความคิดต่างจากที่บางคนได้ยินได้ฟังมาบ้างแล้ว แต่ผมจะเอาเเหตุผลมาแสดงเพื่อไม่ให้เข้าใจผิดหลงผิดอีกต่อไป
มิจฉาทิฐิ
            ปัจจุบันมีผู้สับสนเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก  ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดีก็หันไปพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะเป็นเทพเทวา  เจ้าพ่อ  เจ้าแม่  หรืออะไรก็ได้ที่จะช่วยทำให้ชีวิตได้ดีขึ้นโดยเฉพาะด้านการเงิน
                ใครชอบอะไรนับถืออะไรก็จะออกมาประกาศเกียรติคุณกันยกใหญ่ทั้งทางหนังสือพิมพ์  ทีวี  เคเบิ้ลทีวี  แต่ละยุคสมัยก็ต่างกันไปไม่เห็นจะมีอะไรเที่ยงซะอย่าง  องค์นี้มาเดี๋ยวองค์อื่นก็มา  มากันเรื่อยๆเพราะขาดหลักธรรมความรู้ที่ถูกต้อง
                พอมีศรัทธามากก็ว่าเทพองค์นั้นเป็นพระโพธิสัตว์  มหาโพธิสัตว์ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปเอาหลักเกณฑ์อะไรมาบอกว่า  องค์ที่ตัวเองนับถืออยู่เป็นพระโพธิสัตว์
                ในสมัยหนึ่งมีผู้คนทั้งหลายนับถือเทพองค์นี้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์ มีคุณต่อผู้กราบไหว้และนับถือ  มีประสบการณ์มากมายของศรัทธาทั้งหลาย  มีผู้นับถือองค์ท่านคนหนึ่งบอกกับผมว่า  เมื่อก่อนองค์ท่านเป็นผู้ชายนะ  ที่เป็นผู้หญิงเพราะไปช่วยคนคลอดลูกแล้วเลือดและน้ำคร่ำได้ถูกองค์ท่านจึงกลับกลายร่างเป็นผู้หญิง  ต่อมาก็มีผู้ศรัทธาอีกคนหนึ่งบอกว่าองค์ท่านจะไปสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าแล้วนะ   เพราะตอนแรกองค์ท่านตั้งประณิธานเอาไว้ว่าจะขอเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้าย  ขอช่วยสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ยังแหวกว่ายอยู่ในทะเลทุกข์หาที่พึ่งไม่ได้จนหมดทุกคน  ตอนหลังองค์ท่านรู้ว่าพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายไม่มีกำหนดเมื่อไหร่  เพราะผู้มีความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้ามีไม่สิ้นสุดและสังสารวัฎหาที่สุดมิได้  ทำให้เสียเวลาต่อการเจริญธรรม  ไม่รู้ว่ามีใครเคยได้ยินได้ฟังเหมือนกับผมหรือไม่  แม้เวลานี้ก็มีผู้คนศรัทธาองค์ท่านอยู่มากมิได้ขาด
           เมื่อหลายปีที่ผ่านมาก็มีผู้กล่าวว่าเทพที่ตัวเองนับถือเป็นเพราะโพธิสัตว์  ทั้งพุทธและพราหมณ์  แต่ก็มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ยกย่องกัน  จนตอนหลังฝ่ายเทพที่เป็นพุทธก็ถูกสื่อทั้งทางหนังสือพิมพ์  วิทยุ และทีวี  โฆษณาประชาสัมพันธ์กันยกใหญ่เป็นพระมหาโพธิสัตว์อย่างนั้นอย่างนี้
ทางทีวีมีผู้ถาม  คนศรัทธาองค์ท่านว่า  จะบูชาจตุคามรามเทพ อย่างไร  ถวายอะไร  คนศรัทธาผู้นั้น(เซียนพระชื่อดัง)บอกให้ถวายเหล้า  เทพดื่มเหล้าก็ผิดศีลห้าแล้วโดยเฉพาะผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า  อันนี้คงยกประโยชน์ให้ทางเทพ  คงเป็นความสำคัญผิดของคนบอกที่ไม่รู้จริงนับถืออย่างผิดๆ(นี่หรือเซียนพระชื่อดัง)
หลักพิจารณาพระโพธิสัตว์

ธรรม ๘ ประการ
                มาถึงบทสำคัญที่ชาวพุทธส่วนใหญ่ยังไม่รู้จะได้รู้  ความเป็นพระพุทธเจ้าหรือพระโพธิสัตว์นั้นจะสำเร็จสมความปรารถนาได้อย่างไร
                ความที่บุคคลปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้านั้นต้องประกอบด้วยธรรมแปดประการ  คือ
                ๑.  ความเป็นมนุษย์  บุคคลอยู่ในสภาพความเป็นมนุษย์เท่านั้นจึงปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าได้  นาค  ครุฑ  เทวดาหรือแม้แต่ท้าวสักกะก็ไม่อาจตั้งความปรารถนาให้สำเร็จได้
                ๒.  ความถึงพร้อมด้วยเพศ  แม้เป็นมนุษย์แล้วต้องอยู่ในเพศชายเท่านั้นจึงสำเร็จ  เพศหญิงหรือกระเทยไม่สำเร็จ
                ๓.  ความสมบูรณ์ด้วยเหตุ  แม้บุรุษนั้นย่อมสามารถบรรลุอรหันต์ได้ในเวลานั้น  นอกจากนี้ไม่สำเร็จ  เช่นเดียวกันกับ  สุเมธดาบส ที่สำเร็จอภิญญา ๕   สมาบัติ ๘  ที่นอนบนตมทอดกายให้พระพุทธเจ้าทีปังกรและพระอรหันต์สาวกอีกสี่แสนรูป  ทรงเหยียบเวลาเสด็จ  เพื่อไม่ให้พระพุทธเจ้าทีปังกรและพระอรหันต์สาวกเดินเหยียบโคลนตม  อันเป็นการถวายชีวิตของสุเมธดาบส  ความปรารถนาของสุเมธดาบสให้สำเร็จพระอรหันต์ได้ในเวลานั้น  แต่สุเมธดาบสเห็นความสำคัญของความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้ามากกว่าเพราะสามารถช่วยสัตว์ทั้งหลายมีมนุษย์และเทวดาเป็นต้นให้ข้ามฝั่งได้
                ๔.  การได้เห็นพระพุทธเจ้า  ซึ่งยังทรงพระชนม์อยู่เท่านั้น  จึงจะสำเร็จความปรารถนา  แม้พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วไม่เป็นผลสำเร็จ
                ๕.  การบรรพชา  ผู้อยู่ในเพศบรรพชิตย่อมความปรารถนาให้สำเร็จความเป็นพระพุทธเจ้า  (ดาบส  ฤษี  เป็นเพศบรรพชิต,สุเมธดาบสเป็นต้น)
                ๖.  ความสมบูรณ์ด้วยคุณ  แม้เป็นบรรพชิตแล้วก็ยังต้องได้อภิญญา ๕   สมาบัติ ๘ อีกด้วย
                ๗.  กระทำคุณอันยิ่งใหญ่  คือการบริจาคชีวิตของตนแด่พระพุทธเจ้าทั้งหลายเท่านั้น
                ๘.  ความพอใจ  ผู้ที่สมบูรณ์ด้วยการกระทำอันวิเศษแล้วยังต้องมี  ความฉันทะ อุตสาหะ อันยิ่งใหญ่  เพื่อประโยชน์แก่ธรรม  อันจะทำให้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า
                ความสมบูรณ์แห่งองค์คุณ ๑๘ ประการ 
       (๑.) ไม่เกิดในโลกันตรนรก  
       (๒.) ไม่เกิดในอเวจีนรก  
       (๓.)  ไม่เกิดเป็นนิชฌามตัณหิกเปรต 
       (๔.)  ไม่เกิดเป็นขุปปิปาสเปรต 
       (๕.)  ไม่เกิดเป็นกาลกัญชิกาสูร 
       (๖.)  เมื่อเกิดในทุคติ  จะไม่เกิดเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ 
       (๗.)  เมื่อเกิดเป็นมนุษย์จะไม่เป็นคนบอดแต่กำเนิด 
       (๘.)  ไม่เป็นคนหูหนวก 
       (๙.)  ไม่เป็นคนใบ้ 
     (๑๐.)  ไม่เกิดเป็นสตรี 
     (๑๑.)  ไม่เกิดเป็นคนสองเพศและกระเทย 
     (๑๒.)  เป็นผู้เที่ยงตรงต่อพระโพธิญาณ 
     (๑๓.)  เว้นจากการทำอนันตริยกรรม 
     (๑๔.)  เป็นผู้มีโคจรสะอาดในที่ทั้งปวง 
     (๑๕.)  ไม่ซ่องเสพมิจฉาทิฐิ 
     (๑๖.)  เชื่อในผลของกรรม 
     (๑๗.) เมื่ออยู่ในสวรรค์ก็ไม่เกิดเป็นอสัญญีสัตว์  (พรหมพวกหนึ่งมีรูปแต่ไม่มีสัญญา)
     (๑๘.) ไม่ไปเกิดในสวรรค์ชั้นสุทธาวาส
    
พุทธทำนาย
          พุทธทำนายพระพุทธเจ้าทั้งสิบพระองค์  ที่พระพุทธเจ้าเทศน์โปรดแก่พระสารีบุตร  ได้นำอดีตการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ทั้งสิบพระองค์เพียงส่วนหนึ่งมาตรัสต่อพระสารีบุตร  บางพระองค์ได้สร้างสมบารมีมาก่อนและมากกว่าพระพุทธองค์ก็มี  อย่างพระศรีอริยเมตตรัยสร้างบารมีถึง  ๑๖ อสงไขยกับหนึ่งแสนมหากัป  พระพุทธองค์สร้างสมบารมี ๔ อสงไขย กับอีก ๑แสนมหากัป  อัครสาวกหนึ่งอสงไขยกับแสนมหากัป  พุทธสาวกหนึ่งแสนมหากัป  พระพุทธองค์ได้รับพยากรณ์ในพระพุทธเจ้าถึง  ๒๔  พระองค์
                พระพุทธเจ้าได้บอกชื่อพระโพธิสัตว์ทั้งสิบกับพระสารีบุตรดังนี้
๑.  พระศรีอาริยเมตไตรย     ๒.  พระรามเจ้า       ๓. พระยาปัสเสนทิโกศล     ๔.  พระมาราธิราช         ๕.  พระยาอสุรินทราหู          ๖.  พระโสนะ          ๗.  พระสุภะ           ๘.  โตไทยะพราหมณ์                
๙.  พระยาช้างนาฬาคีรี        ๑๐.  พระยาช้างป่าเลไลยก์
                ในบทนครัฎฐาสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสบอกมนต์บทนี้ให้พระอานนท์ไปประพรมที่นครเมืองเวสาลี  บทนครัฎฐาสูตรนี้กล่าวถึงอานุภาพของพระพุทธเจ้า  พระธรรม  และพระสงฆ์  ในเนื้อหาของพระปริตรนั้น  ได้กล่าวชื่อของอสีติมหาสาวก  ๘๐ องค์  อันมีพระอัญญาโกณฑัญญะ  เป็นต้น  ที่ได้บำเพ็ญบารมีมาเป็นแสนกัป  และบารมีแห่งพระโพธิสัตว์อีก  ๑๐ องค์  เมตเตยโย  อุตตะโร  ราโม  ปัสเสนโน  โกสะ  โลภิภู  ทีคะชังคี  จะ โสโน  จะ  สุภูโต  เทยยะ พราหมมะโณ  นาฬาคิริปาลิเลยโย  โพธิสัตตา 
ที่เมืองเวสาลีในบางพระสูตร  พระพุทธเจ้าจะเสด็จไปด้วยและรับสั่งให้พระอานนท์เป็นผู้สาธยายรัยนสูตร  ซึ่งในงานพิธีมงคล          ต่างๆ พระสงฆ์จะนำบทนี้มาสวดเพื่อเป็นศิริมงคล
ในพิธียกเสาหลักเมืองใหม่  และพิธียกเสาชิงช้าได้มีการนำบทนครัฏฐาสูตรมาใช้สวดด้วย
เทพทั้งหลายที่มีผู้กล่าวยกย่องว่าเป็นพระโพธิสัตว์นั้น  ไม่มีชื่ออยู่ในพุทธทำนายพระโพธิสัตว์ทั้ง ๑๐ พระองค์เลย
ผมมิได้ที่จะลบหลู่เทพทั้งหลายที่มีผู้คนยกย่องสรรเสริญว่าเป็นพระโพธิสัตว์  เพราะในกรรมฐาน ๔๐  ก็มีกล่าวถึงเทวตานุสสติ  ซึ่งกรรมฐานกองนี้ให้นึกถึงเทวดาเป็นอารมณ์  ให้นึกถึงความดีของเทวดาแล้วก็ปฏิบัติอย่างเทวดา  เมื่อตายแล้วก็จะได้เป็นเทวดา

ไม่มีความคิดเห็น: