วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

บทที่ ๑๐ สุราเมรยะ โทษของน้ำเมา


          ๕. สุราเมรยะ
โทษในการดื่มน้ำเมา  ทำให้เสียทรัพย์  ก่อวิวาท  ทำให้เกิดโรค  ทำให้เสียชื่อเสียง  ทำให้จิตฟุ้งซ่าน  ประพฤติมารยาทที่น่าอดสู  บั่นทอนกำลัง  ย่อมได้รับความทุกข์อันหยาบช้าในโลกนี้และโลกหน้า  ไม่รู้จักความสกปรกและความสะอาดในโลก  เป็นผู้ไม่ สำรวมระวังในหมู่ญาติและหมู่บริวาร  ย่อมแก้ผ้าประพฤติเลวทราม
เมื่อดื่มน้ำเมาแล้วย่อมทำให้เสียสติ  เป็นที่ตั้งของความประมาท   เป็นเหตุบั่นทอนความดีที่มีอยู่ให้น้อยลง  ขาดการควบคุมตัวเอง  ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ  พูดในสิ่งไม่เคยพูด เป็นเหตุให้ผิดศีลอีก ๔ ข้อ  ข้างต้นได้  ศีลข้อนี้นับว่ามีความสำคัญที่สุดในเบญจศีล
แม้พวกอสูรทั้งหลายที่เคยมีวิมารอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ยังต้องเลิกดื่มน้ำเมาเลย  เพราะเล็งเห็นโทษของน้ำเมาที่ทำร้ายตัวเองและผู้อื่น
เรื่องมีว่า มฆะมานพและภรรยาพร้อยด้วยสหายอีก ๓๒ คนได้ช่วยกันสร้างบุญกุศลเพื่อสาธารณะประโยชน์และประพฤติธรรมอยู่เสมอ ครั้นเมื่อตายไปแล้วก็ได้พากันไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์พร้อมกัน เวลานั้นมีพวกเวนาสิกได้ครอบครองสวรรค์ชั้นนี้อยู่ก่อนแล้ว
เนวาสิกผู้เป็นใหญ่จึงได้เชื้อเชิญให้มฆะมานพเป็นอุปราชเสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ชั้นนี้ครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็ได้นัดประชุมเลี้ยงต้อนรับให้เอิกเกริก อันมีน้ำคันธบาลหรือสุราทิพย์ซึ่งมีรสชาดหอมหวานอร่อยน่าดื่มกินเป็นอย่างมาก(เครือไม้ชนิดหนึ่งมีอยู่ในสวรรค์ มีน้ำทิพย์อันเกิดจากเครือไม้นี้ เทวดาดื่มเพียงครั้งเดียวเมาหลับถึง ๔ เดือน)
มฆะมานพไม่ต้องการเป็นอุปราช จึงสั่งให้บริวารของตนห้ามดื่มน้ำคันธบานโดยเด็ดขาด งานเลี้ยงได้เป็นไปตามปกติดี ฝ่ายเนวาสิกดื่มน้ำคันธบานจนเมามาย ร้องรำสนุกสนาน ไม่ได้สติทุกๆองค์ถึงกับสลบไสลแน่นิ่งไป โดยไม่รู้ว่าภัยกำลังมาถึงตัวแล้ว
เมื่อได้ช่องสบโอกาส มฆะมานพและบริวารได้ช่วยกันจับพวกเวนาสิกโยนลงไปจากเขาสิเนรุจนหมดทุกองค์ แล้วตั้งตนเป็นใหญ่ ปกครองบรรดาเหล่าเทวดาที่เป็นบริวารสืบต่อมาและปรากฏเทพนครว่า ดาวดึงส์ เกิดขึ้น (อ่านต่อสวรรค์ชั้นที่ ๒)
ฝ่ายพวกเนวาสิกพอรู้ตัวตื่นขึ้นมาก็เสียอกเสียใจร้องไห้กันเป็นการใหญ่ จะโทษใครก็ไม่ได้นอกจากตัวเอง เวนาสิกผู้เป็นหัวหน้า จึงบอกว่าต่อนี้ไปให้จำเป็นบทเรียนและให้เลิกดื่มน้ำคันธบานนี้อีกโดยเด็ดขาด แล้วทั้งหมดก็พร้อมใจกันสาบานว่าตนจะเลิกดื่มน้ำคันธบาน ตั้งแต่นั้นมาพวกเนวาสิกจึงได้ชื่อใหม่ว่า อสูร หรืออสุรา ที่แปลว่าไม่ดื่มสุรา
แต่บารมีของพวกเขายังมีอยู่ บุญเก่าที่สร้างไว้ จึงบังเกิดสุรวิมานเป็นนครอันสวยงามวิจิตรตระการตาไม่ต่างจากดาวดึงส์เท่าใด มีน้ำล้อมรอบบริเวณกำแพงเมืองตลอดเวลา มีต้นไม้ทิพย์ชื่อว่า ปาลี(จิตตปาตลี)หรือต้นแคฝอย เป็นสัญลักษณ์ของ นครอสูรภิภพ
เทวดาทั้ง ๒ ฝ่าย หรือเทวดากับอสูรกํยังมีการสู้รบกันอยู่เนืองๆ
ก็อย่างที่กล่าวไว้ว่า  การดื่มน้ำเมาทำให้เป็นเหตุทำผิดศีลอีก ๔ ข้อได้  ตัวอย่างก็ไม่ต้องยกกันมาก  ตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็มีมากมายแม้ข้างๆตัวเราก็มีให้เห็น
            อยากจะเตือนผู้หญิงทั้งหลายที่คิดจะดื่มเหล้าหรือได้ดื่มไปบ้างแล้ว  ไม่มีผู้ชายดีๆคนไหนชอบผู้หญิงดื่มเหล้า  เพราะเมื่อดื่มเข้าไปแล้วจนขาดสติเป็นหนทางที่ผู้ชายหรือแม้แต่เพื่อนผู้หญิงด้วยกันจ้องที่จะทำร้ายเราได้ให้เสียตัวเสียใจ  เสียชื่อเสียง   ถูกถ่ายรูปเก็บไว้  เพื่อบังคับข่มขู่ต่างๆ
            แม้ไม่มีผู้ทำร้ายเราก็เป็นการทำร้ายตัวเอง  เมื่อเมาแล้วทำสิ่งที่ไม่เคยทำอันเป็นเรื่องน่าละอายแก่ผู้พบเห็น  แม้คนที่เรารักเกิดความคิดที่ไม่ดีกับตัวเรา
            บางคนอ้างดื่มเหล้าเพื่อเข้าสังคม  ความจริงจะดื่มหรือไม่ดื่มก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง  ไม่มีใครมาบังคับเราได้  เพื่อนที่ดีไม่บังคับ  ไม่พูดจาหว่านล้อมเราให้เราทำในสิ่งที่ผิด  นอกจากเราจิตใจไม่มั่นคง  ไม่มีปัญญาถูกยุแหย่ก็เชื่อและทำตามผู้อื่น
            พระภูริทัตไม่ยอมทำผิดศีลแม้จะถูกทรมานแสนสาหัส  เราเองก็ต้องอดทนต่อสิ่งยั่วยุต่างๆ  การจะสำเร็จมรรคผลไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ  แต่ถ้าไม่เริ่มต้นเลยก็ไม่มีทางสำเร็จได้  เวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วน
            คนไทยมีขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆที่ดีๆมีอยู่มากมายควรจะรักษาไว้  แต่กลับไปนิยมแบบอย่างของต่างชาติมาใช้  เพราะต่างชาติไม่มีประเพณีที่ดีงามอย่างประเทศของเรา  แล้วกลับสร้างประเพณีที่ไม่ดีหลายอย่างเพื่อมอมเมาเรา  คนไทยมีการเข้าวัดถือศีลเพื่อละบาปสร้างบุญ  แต่ต่างชาติมีวันโกหกเป็นการสร้างบาปให้กับตัวเองและผู้ที่เอาอย่างเขามาใช้  ถ้าเป็นชาวพุทธก็รู้สึกน่าละอายสิ้นดี
            แม้ยาเสพติดทั้งหลายก็เริ่มจากพวกต่างชาติฝรั่งทั้งนั้น  เข้ามามอมเมาประเทศเราและประเทศอื่นๆ  เพื่อหวังจะให้เสพติดและยอมเป็นทาสรับใช้พวกเขา  ที่เห็นชัดก็จากประเทศจีนที่พวกฝรั่งเอาฝิ่นไปบังคับขายชาวจีน  เพื่ออำนาจความยิ่งใหญ่  ให้ผู้อื่นตกเป็นทาสของตัวเอง  จนเกิดสงครามฝิ่นและอื่นๆต่อมา
            ประเทศไทยของเราก็เคยมีโรงฝิ่นเช่นกันแต่ก็ถูกยกเลิกไปแล้ว  แม้ในปัจจุบันจะมียาเสพติดอื่นๆ  เหตุก็มาจากพวกฝรั่งทั้งนั้นที่ริเริ่มขึ้นมา  เคมีสกัดสารเสพติดก็มาจากฝรั่งทั้งนั้น  แต่คนเราก็ไปหลงมันเอง
เมาแล้วขับ  ก็มีการรณรงค์อยู่เสมอโดยเฉพาะช่วงเทศกาลงานต่างๆ  ที่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเนื่องมาจากการดื่มเหล้าขณะขับขี่
            ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าและเพื่อนๆ มีการสังสรรค์เลี้ยงรุ่นกัน  ข้าพเจ้าได้อาศัยติดรถไปกับเพื่อนและลูกชายของเขา  เพื่อนๆไม่ได้เจอะเจอกันนาน  จึงมีเรื่องคุยกันมาก  เหล้าไม่มีขาด  เมาหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาก็ยังดื่มต่อไป  จนเช้าได้ข้าวต้มไปหน่อยพอมีกำลัง  มีบ้างที่แยกย้ายกลับไปตอนกลางคืนก็มีเช้าก็มี  ที่เหลือก็ต่อกันที่อื่น  ช่วงบ่าย ๒- ๓ โมงก็แยกกันกลับ
            ข้าพเจ้าไม่ดื่มเหล้าเพื่อนๆรู้กันดีและไม่มีใครมาขยั้นขะยอให้ดื่มด้วย  ขณะเดินทางกลับ  ออกจากที่พักถึงถนนมิตรภาพ  ขับรถมาได้ประมาณ ๕ นาที ถึงมวกเหล็ก  รถเริ่มส่ายไปมา  รถที่เพื่อนขับอยู่เลนขวากำลังเบี่ยงเข้าเลนซ้าย  ซึ่งขณะนั้นเลนซ้ายมีรถเทลเลอร์กำลังวิ่งอยู่  ความเป็นตายชั่วพริบตา  ลูกชายเพื่อนซึ่งนั่งอยู่ข้างหน้ากำลังเข้าไปหามัจจุราชแล้ว  และต่อไปข้าพเจ้ากับเพื่อน  ข้าพเจ้านั่งอยู่หลังคนขับเห็นชัดถึงภัยที่กำลังมาถึง  จึงตะโกนให้เพื่อนได้สติ  แล้วข้าพเจ้าก็เอื้อมมือไปหักพวงมาลัยให้เบี่ยงไปทางขวา  ให้พ้นจากเงื้อมมือมัจจุราช  เพื่อนข้าพเจ้ายังตกใจอยู่ไม่ได้สติ  มือจับพวงมาลัยส่ายไปส่ายมาเหมือนจะสลัดอะไรให้หลุดออกจากรถไป  ข้าพเจ้าจึงเอื้อมมือไปจับพวงมาลัยให้ตั้งตรง  และบอกกับเพื่อนว่าให้ข้าพเจ้าขับเถอะ  ในเวลานั้นเพื่อนคงไม่แน่ใจเพราะไม่เคยเห็นข้าพเจ้าขับรถเลย  คงควบคุมรถต่อไปได้ระยะหนึ่ง  จึงยอมให้ข้าพเจ้าขับต่อจนถึงกรุงเทพ
            ในปีต่อมาก็มีงานเลี้ยงรุ่นกันอีก  ข้าพเจ้าก็อาศัยรถเพื่อนคนเดิมอีกเมื่อถึงที่นัดกันแล้ว  เพื่อนข้าพเจ้าบอกก่อนเลยว่า  ขับรถด้วยนะ  คราวนี้ดูเพื่อนจะมีความสุขมากกว่าครั้งที่แล้ว  สนุกได้เต็มที่  ก็มีคนขับรถให้แล้วและเพื่อนก็ไว้ใจข้าพเจ้าด้วย
            การสูญเสียจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับ  ไม่ใช่เฉพาะตัวเรา  ยังมีญาติพี่น้องทั้งของเราและของผู้อื่น  ซึ่งต้องมาสูญเสียคนที่รัก  ทำให้ญาติของผู้ประสบภัยต้องมารับความเดือดร้อนเป็นลูกโซ่กันไป  ผู้เป็นต้นเหตุไม่อาจจะปฏิเสธผลที่ตามมาได้  ความเป็นตายขณะขับรถอยู่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น  เมื่อรู้ตัวก็สายเสียแล้วไม่สามารถแก้ไขใดๆได้  ความประมาทจึงเป็นหนทางสู่ความตาย

ไม่มีความคิดเห็น: