วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

บทที่ ๑๘ นิพพานด้วยปัญญา (๒)

รูปภาพ
เพิ่มคำอธิบายภาพ
http://www.visudhidham.com/joomla/th/the-buddha2.html

เทวดาเหล่าใดมีทุกข์ย่อมมาสู่โลกนี้

บทความที่ว่า นิพพานด้วยปัญญาทั้งหมดจะเป็นบทความที่ส่งเสริมปัญญา มีเหตุผลที่ไปหักล้างความเชื่อเดิมๆว่าไม่ถูกต้องอย่างไร แต่ขอให้ผู้อ่านพิจารณาด้วยปัญญาจริงๆ ไม่ใช่จะเถียงกันแบบข้างๆคูๆ เพื่อจะเอาชนะกัน ผมเองคงจะใช้เหตุผลมากกว่าแต่ถ้าไม่ยอมรับกันก็ขอให้ยุติโดยดี ผมเคยบอกไว้ตอนต้นแล้วว่า พระไตรปิฎกได้มีการสังคายนามาหลายครั้ง แม้ครั้งหลังสุด ก็ไม่ได้บอกว่าพระที่มาร่วมสังคายนานั้นเป็นพระอรหันต์ทุกรูป พระหลวงปู่มั่นและลูกศิษย์ของท่านก็ไม่ได้แตกฉานพระไตรปิฎก แต่คนส่วนใหญ่ก็ยอมรับว่าท่านเป็นพระอรหันต์ และพระที่จบเปรียญธรรม ๙ ประโยค แตกฉานในพระไตรปิฎก ก็ยังเอาตัวไม่รอดคือเป็นเพียงพระใบลานเปล่าที่ยึดติดแต่ตำราก็มีให้เห็นกันอยู่ พระบางรูปที่จบเปรียญธรรม ๙ ประโยคที่ยังมีอัตตาตัวต้นก็มีให้รู้ให้เห็น บางรูปลาสิกขา เอาเปรียญธรรม ๙ ประโยคไปเทียบกับปริญญาทางโลกก็มี ปุถุชนส่วนใหญ่มักจะเถียงกันว่าสิ่งที่ตัวเองรู้เห็นหรือได้ยินจากครูบาอาจารย์นั้นถูก แต่พระอริยะเจ้าทั้งหลายจะไม่โต้เถียงในธรรมนั้นๆ จะกล่าวว่าธรรมของท่านเข้าใจง่าย ลึกซึ้งจริงหนอ เราไม่สงสัยในภูมิธรรมของท่าน ดังธรรมของพุทธองค์ที่สามารถทำให้ที่มืดสว่างได้
เทวธรรม  คือ  ธรรมที่ทำให้บุคคลเป็นเทวดาก็คือ  หิริ  ความละอายต่อบาป  และโอตตัปปะ  ความกลัวผลของบาป  คนเรามีอารมณ์ต่างกัน  คนที่มีศรัทธาจริตจึงนิยมเทวดาที่มีอิทธิฤทธิ์ต่างๆ  สูงกว่าเทวดาก็เป็นพรหม  สูงกว่าพรหมก็นิพพานเลย  แต่การจะเข้าถึงนิพพานเลยทีเดียวนั้นยาก  จึงต้องเป็นไปตามลำดับจากต่ำไปก่อนเทวดาก็มีอายุขัย  เมื่อเทวดาเสวยบุญจนหมดแล้วย่อมไปเกิดยังภพภูมิใหม่  แม้แต่ภูมิของนรก  เทวดาก็มีโอกาสไปได้มาก  พระโพธิสัตว์เองก็ไม่ยกเว้น  นอกจากนรกขุมใหญ่คือโลกันตนรก  และอวจีนรก  ตามที่บอกไว้แล้วในเบื้องต้น  องค์คุณ ๑๘  ประการของพระโพธิสัตว์
เหตุที่พระโพธิสัตว์ยังต้องตกนรก  เพราะพระโพธิสัตว์มิใช่อริยบุคคลจึงห้ามนรกไม่ได้
พระเตมีย์
ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าได้เคยเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าพาราณสี  เสวยราชสมบัติอยู่  ๒๐ ปี  สมัยนั้นไม่มีผู้ใดพิพากษาแทนพระองค์เหมือนทุกวันนี้  ดังนั้นพระองค์จำเป็นต้องทำหน้าที่เอง  พระองค์ได้ทรงลงอาญา  จองจำ  เฆี่ยนตี  ประหารชีวิต  บางทีก็ลงโทษผิด  จะด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง  เมื่อพระองค์สวรรคตแล้วได้ไปเกิดในอุสสุทนรกถึง ๘  หมื่นปีนรก  เมื่อพ้นจากนรกแล้ว  ไปเกิดเป็นเทพบุตรอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ตลอดอายุขัย  มีกำหนด ๓ โกฏิ  ๖ ล้านปีมนุษย์  แล้วจึงจุติลงมาเกิดเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าพาราณสี  มีพระนามว่า  พระเตมีย์
พระเตมีย์ประสูติแล้วได้  ๑ เดือน  พระพี่เลี้ยงได้อุ้มไปเข้าเฝ้าพระราชบิดา  ทรงโปรดปรานอุ้มไปวางลงบนพระเพลาของพระองค์  ขณะนั้นพระองค์กำลังทรงวินิจฉัยคดีและตรัสสั่งลงโทษโจรทั้ง ๔  ให้ไปเฆี่ยนแล้วตัดศีรษะบ้าง  ไปเสียบหลาวทั้งเป็นบ้าง  พระเตมีย์ราชกุมารได้ยินแล้วทำให้สะดุ้งกลัวต่อราชอาญาแทนโจรเหล่านั้น  จึงทรงรำพึงว่าเรามาจากไหนหนอจึงมาเกิดในที่นี้  ก็นึกได้ว่ามาจากสวรรค์  แล้วนึกต่อไปว่าก่อนนั้นมาจากไหน  มาจากนรก  เหตุที่ตกนรก  เพราะทำบาปกรรมลงโทษแก่คนทั้งหลาย  ที่เกิดบนสวรรค์เพราะทำทาน  รักษาศีลภาวนา
พระองค์ทรงนึกเกลียดกลัว  และไม่ปรารถนาที่จะได้ราชสมบัติ  เพราะจะเกิดเหตุอย่างที่พระองค์เคยกระทำไว้แล้ว  และทำให้ต้องตกนรก  จึงทำตัวเองให้ง่อยเปลี้ย  เสียขา  ใบ้  บ้า  หูหนวกตาบอด  ตามคำเทพธิดานางหนึ่งซึ่งเคยเป็นพระมารดาของพระองค์ในอดีตชาติ  รายละเอียดทั้งหลายก็หาอ่านได้ในพระเจ้าสิบชาติ  หรือพระเจ้า ๕๐๐ ชาติ 
ผมหาเหตุและผลที่สมควรเชื่อมากกว่าให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้พิจารณาไตร่ตรองให้ถ้วนถี่  พระโพธิสัตว์ที่กล่าวอ้างกันได้ให้ธรรมะผู้ใดได้เข้าถึงธรรมที่แท้จริงคือข้ามการเป็นปุถุชนสู่อาริยะมีบ้างหรือไม่
ปุถุชนที่ยังหลงอยู่มีศรัทธาที่ต่างกันออกไป  แต่ศรัทธานั้นก็ยังไม่พ้นอบายภูมิไปได้   มีภพชาติที่หาที่สุดมิได้
เพราะความลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย  คนทั้งหลายจึงหาที่สุดภพชาติไม่ได้  บทสวดมนต์ทำวัตร  ว่าข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง  เฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้า  พระธรรม  พระสงฆ์  ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น  พระธรรม  พระสงฆ์  ด้วยเศียรเกล้า  สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี  พระพุทธเจ้าเป็นสรณะ  พระธรรมเป็นสรณะ  พระสงฆ์เป็นสรณะ  อันประเสริฐของข้าพเจ้าด้วยการกล่าวคำสัจนี้  ข้าพเจ้าพึงเจริญในพระศาสนาของพระศาสดา  แต่คนส่วนใหญ่กลับไปศรัทธาต่อสิ่งอื่น  ที่ไม่ใช่พระรัตนตรัย
คนส่วนใหญ่จึงยังไม่เข้าถึงพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง  แม้การเข้าใกล้พระรัตนตรัยยิ่งยากไปอีก  ที่บอกอย่างนั้นเพราะยังห่างไกลความเป็นอุบาสกหรืออุบาสิกา  ซึ่งเป็นพุทธบริษัทฝ่ายฆราวาส
คุณสมบัติอันเหมาะแก่การเป็นอุบาสกหรืออุบาสิกา
๑.     ผู้ถึงพระรัตนตรัย  ว่า  เป็นสรณะ
๒.    ผู้มีศีล 
๓.    ผู้มีอาชีพเว้นการค้า  ๕ อย่าง  คือ  การค้าอาวุธ  การค้าสัตว์  การค้าเนื้อ (ที่เขาฆ่าชำแหละเพื่อปรุงอาหาร) การค้าน้ำเมา  และการค้ายาเสพติดมีพิษ
๔.    ไม่ถือมงคลตื่นข่าว  เชื่อผลของกรรม
๕.    ไม่แสวงบุญนอกพุทธศาสนา  หมายถึง  ทำบุญกับทักขิไณยบุคคล  นอกพระพุทธศาสนาโดยเห็นเป็นสำคัญหรือทำก่อน  แต่การบริจาคให้สิ่งของเป็นทานกับผู้ที่ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนาไม่เป็นไร  เพราะไม่ใช่ทักขิไณยบุคคล

       ถ้าทำบุญแล้วยังหลงบุญ เชื่อว่าวัดนี้ชื่อดีเป็นชื่อมงคล ทำบุญที่วัดทางภาคเหนือ จะทำอะไรก็เหนือกว่าผู้อื่น(วัดทางภาคใต้คงไม่มีใครทำบุญ)  วัดนั้นดีอย่างโน้นอย่างนี้ ต้องทำให้ได้ ๙ วัดในวันเดียว ฯลฯ อย่างนี้เป็นได้แค่ทายกหรือทายิกา(ผู้ให้ชาย ผู้ให้หญิง) ยังเป็นอุบาสกหรืออุบาสิกายังไม่ได้ คนส่วนใหญ่จึงใช้คำพูดผิด เวลาไปทำบุญที่วัด บางคนนุ่งขาวห่มขาว มัคนายกจะเรียกอุบาสกอาบาสิกาเป็นส่วนใหญ่ บางที่ก็เรียกทายกทายิกาหรือเรียกรวามทั้งหมด อุบาสกอุบาสิกาและทายกทายิกา และย้อนไปอ่านเรื่องอานุภาพพุทโธ เพื่อให้เข้าถึงรัตนตรัยยิ่งขึ้น

เทวดามีจริงหรือ
                พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทูลถามเรื่องของเทวดามีจริงหรือ  ต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้า  พระองค์ทรงตรัสว่ามีจริง  แล้วพระเจ้าปเสนทิโกศลทูลถามต่อไปว่า  เทวดาเหล่านั้นมาสู่โลกมนุษย์นี้หรือไม่  พระพุทธองค์ทรงตรัสตอบว่า  เทวดาเหล่าใดมีทุกข์ย่อมมาสู่โลกนี้  ไม่ทุกข์ไม่มา  (กรรณกัตถลสูตร ๗-๖๔) พระสูตรนี้สำคัญมาก ไม่ทุกข์ไม่มา  เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้าโดยแท้
                ขอให้กำลังใจผู้ปฏิบัติทั้งหลายที่ปรารถนาจะก้าวพ้นจากปุถุชนเข้าสู่อริยบุคคลขั้นใดขั้นหนึ่งตามบารมีธรรมที่สั่งสมมา  อย่าได้ย่อท้อ  อย่าได้ลังเลสงสัยในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย
                ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น  ต่อไปก็จะมีเหตุอย่างอื่นอีกในทำนองนี้  เพราะเขาไม่สามารถตัดความลังเลสงสัย  อันเป็นข้อหนึ่งในสามของสังโยชน์ (โสดาบัน) ที่ตัดได้แล้วก็จะผ่านพ้นล่วงวิสัยความเป็นปุถุชนได้  ตัดสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ได้ก็สำเร็จพระอรหันต์
 

ไม่มีความคิดเห็น: